สภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวทั่วภูมิภาคตอนใต้ของยุโรป ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวมีแนวโน้มลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่มักเดินทางไปท่องเที่ยวในช่วงเวลาที่สภาพอากาศเย็นสบายตัวมากกว่า หรือเลือกไปเที่ยวในพื้นที่ที่คนน้อยกว่า เพื่อหลีกเลี่ยงอุณหภูมิที่ร้อนจัด
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ยุโรปกำลังประสบกับอุณหภูมิที่ร้อนที่สุดในฤดูร้อนนี้ โดยคาดว่าจะมีคลื่นความร้อนเกิดขึ้นอีกระลอกในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งจะยิ่งทำให้อากาศร้อนมากยิ่งขึ้นจนใกล้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
คลื่นความร้อนที่รุนแรงและกินเวลาต่อเนื่องยาวนานเมื่อเร็ว ๆ นี้ ส่งผลให้อุณหภูมิพุ่งทะลุ 45 องศาเซลเซียส (113 องศาฟาเรนไฮต์) ในพื้นที่บางส่วนของกรีซ, ทางตะวันออกของสเปน รวมถึงเกาะซาร์ดิเนียและเกาะซิซิลี ทางตอนใต้ของอิตาลี
ข้อมูลจากคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวยุโรป (ETC) ที่รายงานเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา เผยให้เห็นว่า นักท่องเที่ยวที่วางแผนจะเดินทางระหว่างเดือนมิ.ย. - พ.ย. ของปีนี้ ลดลง 4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 69%
ผลสำรวจของ ETC ที่สอบถามนักท่องเที่ยวที่วางแผนเดินทางในยุโรปในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า พบว่า สเปนเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยอยู่ที่ 8% ตามมาด้วยฝรั่งเศส 7% อิตาลี 7% กรีซ 5% และโครเอเชีย 5%
อย่างไรก็ตาม แหล่งท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศแถบเมดิเตอร์เรเนียนมีความนิยมลดลง 10% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่ยุโรปเผชิญกับฤดูร้อนที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์
ในขณะเดียวกัน ประเทศอื่น ๆ อย่างเช่น สาธารณรัฐเช็ก บัลแกเรีย ไอร์แลนด์ และเดนมาร์ก กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวนิยมเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากนักท่องเที่ยวต้องการไปเที่ยในสถานที่ที่ผู้คนไม่แออัด และมีสภาพอากาศที่เย็นสบายกว่า
ETC กล่าวอีกว่า นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่วางแผนเดินทางในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า ต่างมองหาสถานที่ที่ราคาถูกกว่า หรือสถานที่ที่ผู้คนน้อยกว่าเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
เกือบ 1 ใน 4 ของผู้ตอบแบบสำรวจ กล่าวว่า พวกเขากังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวโดยรวมที่เพิ่มขึ้น ขณะที่อีก 8% กล่าวว่า พวกเขากังวลว่าจะเจอกับสภาพอากาศที่รุนแรงในระหว่างการเดินทาง