ทั้งนี้ ผลการศึกษาฉบับนี้เผยให้เห็นว่า แรงงานในภาคอุตสาหกรรมชิปมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเป็น 460,000 รายภายในสิ้นทศวรรษนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากประมาณ 345,000 รายในปีนี้ แต่ด้วยอัตราการจบการศึกษาในปัจจุบัน สหรัฐจะไม่สามารถผลิตแรงงานที่มีคุณภาพได้เพียงพอต่อจำนวนงานที่เพิ่มขึ้น
ผลการศึกษาดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่สหรัฐพยายามเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ภาคส่วนชิปในประเทศ โดยเมื่อวันที่ 9 ส.ค. ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ได้ลงนามกฎหมายชิป (CHIPs Act) เพื่อจัดสรรเงินสำหรับการจัดตั้งสถานที่ผลิตชิปแห่งใหม่ รวมถึงการวิจัยและพัฒนาชิป
รายงานระบุว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเป็นผู้ดูแลเงินอุดหนุนด้านการผลิตมูลค่า 3.9 หมื่นล้านดอลลาร์ภายใต้กฎหมายชิป และบริษัทต่างๆ เช่น อินเทล คอร์ป (Intel Corp), ไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง (Taiwan Semiconductor Manufacturing - TSMC) และซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ (Samsung Electronics) ได้กล่าวว่า จะยื่นสมัครขอรับเงินอุดหนุนก้อนดังกล่าว โดยกฎหมายดังกล่าวยังกำหนดเครดิตภาษีการลงทุน 25% สำหรับการสร้างโรงงานชิปใหม่ที่มีมูลค่าประมาณ 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์
SIA ระบุว่า โรงงานเหล่านั้นจะสร้างงานมากขึ้น โดยตำแหน่งงานที่มีแนวโน้มจะขาดแคลน ได้แก่ นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ วิศวกร และช่างเทคนิค โดยประมาณครึ่งหนึ่งของงานในอุตสาหกรรมชิปในอนาคตจะเป็นวิศวกร