ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ไฟป่าในเมืองลาไฮนา บนเกาะเมาวี รัฐฮาวายของสหรัฐ พุ่งขึ้นเป็น 93 รายแล้วในขณะนี้ และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีก ขณะที่นายจอช กรีน ผู้ว่าการรัฐฮาวายกล่าวว่า สถานการณ์ไฟป่ายังคงรุนแรงและได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งค้นหาผู้ที่สูญหาย
นายกรีนเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์ MSNBC ว่า "เกาะเมาวีในขณะนี้ไม่ต่างจาก 'เขตสงคราม (war zone) เราพบผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 93 รายแล้ว ผมสัญญาว่าจะเร่งตรวสอบการรับมือกับภัยพิบัติ และจะเร่งปรับปรุงระบบการเตือนภัยล่วงหน้า หลังจากประชาชนในพื้นที่ร้องเรียนว่าระบบได้ทำการเตือนภัยล่วงหน้าเพียงไม่นานก่อนที่ไฟป่าจะลุกลามเข้าสู่เขตที่พักอาศัยของประชาชน"
ไฟป่าครั้งนี้ได้กลายเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐฮาวาย โดยมีความรุนแรงกว่าเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิถล่มเกาะบิ๊กในรัฐฮาวายเมื่อปี 2503 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 61 ราย นอกจากนี้ยังถือเป็นเหตุการณ์ไฟป่าที่ทำให้เกิดผู้เสียชีวิตมากที่สุดในรอบกว่า 100 ปีของสหรัฐ แซงหน้าเหตุการณ์ไฟป่าในเมืองพาราไดซ์ รัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อปี 2561 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คน 86 ราย
ทางด้านสำนักงานบริหารจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FEMA) เปิดเผยว่า ไฟป่าที่ลุกลามทั่วเมืองลาไฮนาได้กลืนกินพื้นที่ประมาณ 2,100 เอเคอร์ และสิ่งปลูกสร้างกว่า 2,200 หลังได้รับเสียหายหรือถูกทำลาย นอกจากนี้ ประชาชนหลายพันคนไม่มีที่อยู่อาศัย พร้อมกับประเมินมูลค่าความเสียหายไว้ที่ประมาณ 5.5 พันล้านดอลลาร์
นายเจเรมี กรีนเบิร์ก ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการของ FEMA เปิดเผยว่า ไฟป่าที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นไฟป่าประเภทที่ควบคุมยากมาก โดยสามารถลุกลามในอาณาบริเวณหนึ่งสนามฟุตบอลภายในเวลาไม่เกิน 20 วินาที นอกจากนี้ นายกรีนเบิร์กยืนยันว่า FEMA ได้ส่งเจ้าหน้าที่กว่า 250 คนออกไปให้ความช่วยเหลือประชาชน และกำลังเร่งจัดส่งทรัพยากร ซึ่งรวมถึงน้ำสำหรับพื้นที่ที่น้ำประปาปนเปื้อน