สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา มีฝนตกหนักผิดปกติและธารน้ำแข็งละลายจนทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในอินเดีย, ปากีสถาน และเนปาล โดยเจ้าหน้าที่รัฐกล่าวว่านี่เป็นผลมาจากภาวะโลกร้อน
โทรทัศน์ในรัฐหิมาจัลประเทศเผยให้เห็นภาพบ้านเรือนต่าง ๆ ที่ถูกทำลายโดยดินถล่ม ภาพรถเมล์และรถยนต์เกือบตกหน้าผาหลังจากที่ถนนขาดออกจากกัน และภาพประชาชนหลายร้อยคนรอความช่วยเหลือจากหน่วยกู้ภัยที่กำลังเคลียร์เศษซาก นอกจากนี้ยังมีภาพของแม่น้ำเอ่อล้นตลิ่งในรัฐหิมาจัลประเทศและอุตตรขัณฑ์อีกด้วย
นายสุขวินเดอร์ ซิงห์ ซูคู มุขยมนตรีของรัฐหิมาจัลประเทศ โพสต์ข้อความใน X (ทวิตเตอร์) ว่า "เป็นอีกครั้งที่โศกนาฏกรรมเกิดขึ้นกับรัฐหิมาจัลประเทศ โดยมีฝนตกต่อเนื่องตลอด 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา"
"มีรายงานเหตุการณ์ฝนกระโชกและดินถล่มในหลายส่วนของรัฐ ส่งผลให้เกิดการสูญเสียทรัพย์สินและชีวิตอันมีค่า"
มุขยมนตรีฯ กล่าวว่า หนึ่งในเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดคือวัดแห่งหนึ่งในเมืองศิมลา เมืองหลวงของรัฐ พังถล่มลงมา โดยหน่วยกู้ภัยนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาได้แล้วอย่างน้อย 9 ศพ
กรมอุตุนิยมวิทยาของอินเดียแจ้งเตือนภัยระดับสีแดงสำหรับทั้งรัฐหิมาจัลประเทศและอุตตรขัณฑ์ และคาดการณ์ว่าฝนจะเริ่มตกหนักน้อยลงตั้งแต่วันอังคาร (15 ส.ค.) เป็นต้นไป
นายประวีณ ภารทวัจ เจ้าหน้าที่จัดการภัยพิบัติของรัฐหิมาจัลประเทศ กล่าวว่า นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นเหตุการณ์ฝนกระโชกหลายครั้งและสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างในรัฐ
นายภารทวัจกล่าวเสริมว่า ในเขตโซลัน มีบ้านหลายหลังพังถล่ม คร่าชีวิตไปอย่างน้อย 7 คน ส่วนในเขตมันดีมีคู่แม่ลูกเสียชีวิตหลังจากบ้านถล่มลงมา