อัยการของรัฐบาลกลางสหรัฐเปิดเผยในเอกสารที่ยื่นฟ้องต่อนายแซม แบงก์แมน-ฟรีด ผู้ก่อตั้งบริษัทเอฟทีเอ็กซ์ (FTX) เมื่อวานนี้ (14 ส.ค.) ว่า นายแบงก์แมน-ฟรีดใช้เงินที่ยักยอกมาจากลูกค้าไปกับการรณรงค์ทางการเมืองมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ในช่วงการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐเมื่อปี 2565
คำฟ้องใหม่นี้ได้ตั้งข้อหานายแบงก์แมน-ฟรีด อดีตมหาเศรษฐีวัย 31 ปี ด้วยข้อหาสมคบกันกระทำความผิดและการฉ้อโกง 7 ข้อหาจากกรณีการล่มสลายของแพลตฟอร์ม FTX
คำฟ้องระบุว่า "เขาได้ใช้ประโยชน์จากอิทธิพลของตัวเองแลกกับการล็อบบี้สภาคองเกรสและหน่วยงานด้านการกำกับดูแลต่าง ๆ เพื่อให้สนับสนุนกฎหมายและระเบียบที่เขาเชื่อว่าจะทำให้ FTX สามารถรับเงินฝากจากลูกค้าและเติบโตได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น"
นายแบงก์แมน-ฟรีดต้องเผชิญกับข้อหาสมคบกันกระทำความผิดและฉ้อโกงรวม 7 ข้อหาจากกรณีการล้มละลายของ FTX แม้ว่าในคำฟ้องจะไม่รวมการสมรู้ร่วมคิดในการละเมิดกฎหมายการรณรงค์ทางการเงินเป็นอีกกระทงหนึ่งก็ตาม
ก่อนหน้านี้ นายแบงก์แมน-ฟรีดไม่ยอมรับสารภาพผิดในข้อหายักยอกเงินลูกค้า FTX หลายพันล้านดอลลาร์เพื่อลดการขาดทุนของอะลาเมดา รีเสิร์ช (Alameda Research) ซึ่งเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ของเขา
อย่างไรก็ตาม เลวิส แคปแลน ผู้พิพากษาศาลแขวงของสหรัฐได้ตัดสินใจสั่งจำคุกนายแบงก์แมน-ฟรีดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (11 ส.ค.) ก่อนถึงการพิจารณาคดีฉ้อโกงในวันที่ 2 ต.ค. เนื่องจากเชื่อว่า นายแบงก์แมน-ฟรีดพยายามที่จะข่มขู่พยานในคดี