นายอาร์วินด์ กฤษณะ ประธานและซีอีโอของบริษัทไอบีเอ็ม (IBM) เปิดเผยในวันนี้ (22 ส.ค.) ว่า พนักงานออฟฟิศจะกลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบจากปัญญาประดิษฐ์ (AI)
นายกฤษณะให้สัมภาษณ์กับรายการ "Squawk Box Asia" ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีว่า ปัญญาประดิษฐ์เชิงรู้สร้าง (Generative AI) และโมเดลภาษาขนาดใหญ่มีศักยภาพที่จะเพิ่มประสิทธิภาพทุกกระบวนการขององค์กร
นายกฤษณะระบุว่า "นั่นหมายความว่าคุณสามารถทำงานเดิมให้แล้วเสร็จได้ โดยใช้จำนวนคนน้อยลง มันเป็นเรื่องของประสิทธิภาพการทำงาน ผมเองเชื่อมั่นว่ากลุ่มงานชุดแรกที่จะได้รับผลกระทบคือ พนักงานหลังบ้าน พนักงานออฟฟิศ"
นอกจากนี้ นายกฤษณะกล่าวเสริมว่า การเติบโตของประชากรที่ชะลอตัวส่งผลให้กลุ่มประชากรวัยทำงานลดลง ดังนั้น คุณจำเป็นต้องเพิ่มผลผลิต ไม่เช่นนั้นคุณภาพชีวิตจะลดลง และผมคิดว่า AI เป็นทางแก้เดียวที่เรามีอยู่
รายงานระบุว่า อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากของแชตบอตที่ขับเคลื่อนด้วย AI เช่น แชตจีพีที (ChatGPT) ของบริษัทโอเพนเอไอ (OpenAI) ส่งผลให้บริษัทจำนวนมากพยายามเปิดตัวโมเดลภาษาขนาดใหญ่ของตนเอง
ทั้งนี้ IBM เป็นหนึ่งในบริษัทแรก ๆ ที่ริเริ่มด้าน AI โดยลงทุนและพัฒนาแพลตฟอร์ม AI ของตัวเองก่อนแชตจีพีที โดยตั้งแต่ปี 2547-2554 บริษัทพัฒนาซูเปอร์คอมพิวเตอร์ชื่อ "วัตสัน" (Watson) ซึ่งเป็นการเปลี่ยนกลยุทธ์จากการผลิตฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่บริษัทขายธุรกิจคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลให้กับเลอโนโวเมื่อปี 2548