ทั้งนี้ ท่ามกลางกระแสประณามจากรัฐบาลจีนและโซเชียลมีเดียของจีน รวมถึงการประกาศระงับการนำเข้าอาหารทะเลทั้งหมดจากญี่ปุ่น ผู้ค้าอาหารทะเลหลายรายในตลาดจิงเซินได้แสดงความรู้สึกหวั่นกลัวและและวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจของญี่ปุ่น
"ผู้คนบนอินเทอร์เน็ตกล่าวว่าในอนาคตนั้น อาหารทะเลจะไม่ถูกเรียกว่าอาหารทะเลอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นอาหารทะเลปนเปื้อนนิวเคลียร์แทน" หลี่ อวี้เซวียน ผู้ค้าวัย 22 ปี กล่าว "ดังนั้น ผลกระทบจากการปล่อยน้ำปนเปื้อนจึงใหญ่หลวงมาก"
สื่อของรัฐบาลจีนได้รายงานผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยชิงหวาอีกครั้งในวันที่ 23 - 24 ส.ค. หลังมีการตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 2564 โดยคาดการณ์ว่า ไอโซโทปกัมมันตรังสีทริเทียม จะขยายไปถึงน่านน้ำนอกชายฝั่งจีนได้ภายในระยะเวลาประมาณ 8 เดือน
ขณะเดียวกัน สื่อรัฐบาลจีนยังได้รายงานข่าวในลักษณะมหันตภัยร้ายที่น่าหวาดหวั่น รวมถึงนำเสนอการคาดการณ์เกี่ยวกับวิธีที่มลพิษจะแพร่กระจายไปทั่วมหาสมุทรแปซิฟิกและทะเลต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตลอดช่วงหลายปีข้างหน้า
นอกจากนี้ แฮชแท็ก (#) ที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีที่โพสต์บนเวยป๋อ (Weibo) มียอดรับชมหลายล้านครั้ง โดยผู้ใช้งานต่างโพสต์ความเห็นเชิงต่อต้านญี่ปุ่นอย่างดุเดือด โดยหลายคนกล่าวว่าญี่ปุ่นควรได้รับการลงโทษอย่างรุนแรง หรือแม้กระทั่งถูกขยี้ให้แหลกเป็นจุณ
ผู้ใช้รายหนึ่งที่ลงทะเบียนในมณฑลซานซีได้โพสต์ข้อความว่า "โลกดำรงอยู่ได้โดยไม่มีญี่ปุ่น แต่อยู่ไม่ได้ถ้าปราศจากอาหารทะเล" โดยโพสต์นี้มียอดกดไลก์มากกว่า 1 แสนครั้ง