ข้อตกลงนี้คิดเป็นประมาณครึ่งหนึ่งของที่นักวิเคราะห์ทางการเงินคาดการณ์ว่า 3M อาจต้องจ่ายเงินชดเชยผู้เสียหายให้ถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์
รายละเอียดในคดีความระบุว่า ที่อุดหูของ 3M มีข้อบกพร่องมาเป็นเวลา 12 ปีแล้วเริ่มตั้งแต่ปี 2546 และจนถึงขณะนี้ 3M แพ้คดีที่อุดหูไปแล้ว 10 คดีจากทั้งหมด 16 คดี โดยมอบเงินชดเชยให้กว่า 250 ล้านดอลลาร์แก่ทหารสหรัฐที่ได้รับความเสียหาย
บันทึกของศาลรัฐบาลกลางระบุว่า คดีความหลายแสนคดีถูกนำมารวมกันเป็นคดีใหญ่คดีเดียวภายใต้การดูแลของผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางเพียงคนเดียวในรัฐฟลอริดา โดยคู่กรณีทั้งสองฝ่ายจะแลกเปลี่ยนข้อมูลก่อนการพิจารณาคดีและจะมีการทดสอบการพิจารณาคดี (test trials) โดยในคำฟ้องเหล่านี้ ทหารและอดีตทหารกล่าวหาว่า 3M รู้ดีว่าที่อุดหูของบริษัทมีขนาดสั้นเกินกว่าจะใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่กลับไม่ได้เตือนรัฐบาลสหรัฐหรือผู้ใช้งาน หรือดำเนินการแก้ไขปัญหาของผลิตภัณฑ์แต่อย่างใด
แหล่งข่าวไม่ประสงค์ออกนามเปิดเผยว่า ภายใต้เงื่อนไขของข้อตกลงระงับข้อพิพาท 3M จะทยอยจ่ายเงินจำนวน 5.5 พันล้านดอลลาร์นี้ภายในเวลา 5 ปี และข้อตกลงนี้ยังไม่เป็นที่สิ้นสุดจนกว่าคณะกรรมการบริหารของ 3M จะเซ็นอนุมัติ
ทั้งนี้ 3M พยายามจำกัดความรับผิดโดยใช้กลยุทธ์ทางกฎหมายให้อีโร เทคโนโลยีส์ (Aearo Technologies) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ยื่นล้มละลายตามกฎหมาย Chapter 11 ของสหรัฐเมื่อปี 2564 เพื่อจะได้ไม่ต้องจ่ายเงินให้เจ้าหนี้ อย่างไรก็ดี บรรดาอาจารย์กฎหมายและกลุ่มสนับสนุนผู้บริโภคโจมตีท่าทีดังกล่าวว่า เป็นตัวอย่างของบริษัทที่มีกำไรแต่ใช้กระบวนการทางกฎหมายเป็นเกราะป้องกันโดยไม่ยื่นฟ้องล้มละลายตัวบริษัท 3M เอง
ในที่สุด ผู้พิพากษาคดีล้มละลายได้ตัดสินว่า อีโรไม่สามารถยื่นล้มละลายได้เนื่องจาก 3M ไม่ได้ประสบปัญหาทางการเงินถึงขั้นที่สมควรใช้ระบบล้มละลายเพื่อจัดการการฟ้องร้องคดี ด้านอีโรยื่นอุทธรณ์คำตัดสินดังกล่าว
เมื่อกลยุทธ์การยื่นล้มละลายไม่เป็นผล ทนายความของ 3M และทหารสหรัฐจึงตัดสินใจดำเนินการตามข้อตกลงในการไกล่เกลี่ย โดยเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา นายเคซีย์ ร็อดเจอร์ส ผู้พิพากษาประจำศาลแขวงของสหรัฐที่ดูแลคดีที่อุดหู สั่งให้นายไมค์ โรมัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ 3M เดินทางไปยังรัฐฟลอริดาเพื่อเจรจาข้อตกลงดังกล่าว