สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า โลกอาจเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนลิเธียม เนื่องจากอุปสงค์เพิ่มสูงขึ้น โดยนักวิเคราะห์บางรายคาดการณ์ว่าปัญหานี้อาจเกิดขึ้นภายในปี 2568 ขณะที่นักวิเคราะห์รายอื่นคาดการณ์ว่าอาจช้ากว่านั้น
บีเอ็มไอ (BMI) ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยของฟิทช์ โซลูชันส์ เปิดเผยรายงานฉบับหนึ่งที่คาดการณ์ว่า อุปทานลิเธียมจะขาดดุลภายในปี 2568 โดยอ้างว่าการขาดดุลนั้นเกิดจากอุปสงค์ลิเธียมของจีนสูงกว่าอุปทาน
BMI ระบุในรายงานว่า "เราคาดว่าอุปสงค์ลิเธียมสำหรับรถยนต์ EV ของจีนจะเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 20.4% เมื่อเทียบเป็นรายปีในช่วงปี 2566-2575"
อย่างไรก็ตาม BMI ระบุว่า อุปทานลิเธียมของจีนจะเพิ่มขึ้นเพียง 6% ในช่วงเวลาเดียวกัน พร้อมระบุเสริมว่า อัตราดังกล่าวไม่สามารถตอบสนองต่ออุปสงค์ที่คาดการณ์ไว้ได้แม้แต่ 1 ใน 3
ทั้งนี้ จีนเป็นผู้ผลิตลิเธียมรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก ซึ่งลิเธียมเป็นองค์ประกอบสำคัญของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV)
รายงานระบุว่า โลกผลิตลิเธียมได้ 540,000 ตันในปี 2564 และการประชุมเศรษฐกิจโลก (WEF) คาดการณ์ว่า อุปสงค์ลิเธียมทั่วโลกจะสูงถึงกว่า 3 ล้านตันภายในปี 2573
ขณะเดียวกัน การคาดการณ์จากเอสแอนด์พี โกลบอล คอมโมดิตี อินไซต์ส (S&P Global Commodity Insights) ระบุว่า ยอดขายรถยนต์ EV มีแนวโน้มแตะ 13.8 ล้านคันในปี 2566 แต่จากนั้นจะพุ่งขึ้นเป็น 30 ล้านคันภายในปี 2573
นางคอรินน์ บลังชาร์ด ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยลิเธียมและเทคโนโลยีสะอาดของธนาคารดอยซ์แบงก์กล่าวว่า "เราเชื่อมั่นว่าอุตสาหกรรมลิเธียมจะเผชิญปัญหาขาดแคลนลิเธียม โดยเราคาดการณ์ว่าอุปทานจะขยายตัวอย่างแน่นอน แต่อุปสงค์ก็มีแนวโน้มจะเติบโตแซงหน้าอย่างมีนัยสำคัญ"
ภายในสิ้นปี 2568 นางบลังชาร์ดคาดว่า จะขาดแคลนลิเธียมคาร์บอเนตเล็กน้อยที่ประมาณ 40,000-60,000 ตัน แต่คาดการณ์ว่าจะมีการขาดดุลมากขึ้นแตะ 768,000 ตันภายในสิ้นปี 2573