สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า จีนออกโควต้าสำหรับการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันพยายามหาวิธีชดเชยอุปสงค์ในประเทศที่มาถึงจุดสูงสุดแล้ว ด้วยการขายเชื้อเพลิงในตลาดต่างประเทศมากขึ้น
ข้อมูลของบริษัทที่ปรึกษาอุตสาหกรรมเจแอลซี (JLC) และ ออยล์เคม (OilChem) ระบุว่า โรงกลั่นและผู้ค้า 7 รายได้รับอนุญาตให้ส่งออกน้ำมันเบนซิน ดีเซล และเชื้อเพลิงเครื่องบินจำนวน 12 ล้านตันสำหรับการจัดสรรรอบที่ 3 ในปี 2566 ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาดที่ 10 ล้านตัน และทำให้ยอดรวมน้ำมันที่ได้รับอนุญาตให้ส่งออกทั้งหมดจนถึงตอนนี้สูงกว่าระดับปี 2565
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จีน ซึ่งเป็นผู้ดูแลการจัดสรรน้ำมัน ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆ ต่อรายงานดังกล่าว
รายงานระบุว่า โควต้าดังกล่าวมีขึ้นในเวลาเดียวกันกับที่อุปสงค์น้ำมันขั้นปลายของจีนอาจแตะจุดสูงสุดในปีนี้ ซึ่งคล้ายคลึงกับสถานการณ์ของปีก่อนหน้า โดยเวลานั้นมีการจัดสรรโควต้าเพื่อช่วยให้ภาคการกลั่นสามารถกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจต่อไปได้ โดยการออกโควต้าล่าสุดนี้ทำให้ยอดรวมปี 2566 อยู่ที่ 39.99 ล้านตัน
จีนกำลังเผชิญกับวิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์และการส่งออกที่อ่อนแอ ซึ่งบั่นทอนการบริโภคเชื้อเพลิงอุตสาหกรรม เช่น น้ำมันดีเซล และการนำรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้มากขึ้นในจีนยังส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันเบนซิน
การเพิ่มกำลังการกลั่นใหม่ ซึ่งนำโดยบริษัทปิโตรไชน่า โค (PetroChina Co) ในมณฑลกวางตุ้ง มีแนวโน้มจะทำให้ผลิตภัณฑ์น้ำมันล้นตลาดในประเทศจีนมากยิ่งขึ้นและกระตุ้นให้มีการส่งออกมากขึ้น ขณะเดียวกัน JLC ระบุว่า บริษัท 5 จาก 7 แห่งได้รับการจัดสรรโควต้าเพื่อส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีกำมะถันต่ำจำนวน 3 ล้านตัน
ทั้งนี้ เอ็นเนอร์จี แอสเปคท์ระบุว่า โรงงานกลั่นของจีนมีแนวโน้มจะเร่งการส่งออกในเดือนก.ย. เพื่อชดเชยปริมาณและอัตรากำไรที่ลดลงในเดือนส.ค. ส่วนยอดขายน้ำมันเบนซิน ดีเซล และเชื้อเพลิงเครื่องบินมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น 15% แตะ 3.7 ล้านตัน