รัฐบาลสิงคโปร์คาดว่าจะมีการจับกุมและยึดทรัพย์สินเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ทางการกำลังสืบสวนหนึ่งในคดีฟอกเงินที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งมูลค่าทรัพย์สินที่ถูกยึดขณะนี้อยู่ที่ 2.8 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ในช่วงกลางเดือนส.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจของสิงคโปร์ได้เข้าจับกุมชาวต่างชาติ 10 ราย และยึดทรัพย์สินหรูหรา เช่น อสังหาริมทรัพย์, รถยนต์, ทองคำแท่ง, กระเป๋าแบรนด์เนม และเครื่องประดับ รวมเป็นมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์
นางโจเซฟิน เตียว รัฐมนตรีคนที่สองของกระทรวงมหาดไทยแห่งสิงคโปร์ แถลงต่อรัฐสภาในวันนี้ (3 ต.ค.) ว่า "คดีนี้เป็นเครื่องเตือนใจว่า อาชญากรที่มีความมุ่งมั่นสามารถหาวิธีหลีกเลี่ยงได้แม้กระทั่งมาตรการป้องกันที่เข้มงวดที่สุด"
นางเตียวระบุว่า รัฐบาลจะจัดตั้งคณะกรรมการระดับรัฐมนตรีเพื่อตรวจสอบระบบการป้องกันการฟอกเงิน โดยคำนึงถึงบทเรียนที่ได้รับจากคดีนี้
แต่การจับกุมและการสอบสวนครั้งนี้ของสิงคโปร์แสดงให้เห็นว่าระบบสามารถตรวจจับบุคคลและกิจกรรมที่น่าสงสัยได้ นางเตียวกล่าว
รัฐบาลสิงคโปร์ระบุว่า กำลังดำเนินการตรวจสอบสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว และจะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับสถาบันการเงินและพนักงาน หากพบว่าละเมิดข้อกำหนดของธนาคารกลาง
นางเตียวกล่าวว่า คดีนี้กลายเป็นที่จับตามองของตำรวจมาตั้งแต่ปี 2564 หลังการยื่นรายงานธุรกรรมที่น่าสงสัยโดยสถาบันการเงิน
นอกจากนี้ นางเตียวยังปฏิเสธข่าวลือที่ว่าการสืบสวนคดีดังกล่าวเกิดขึ้นจากแรงกดดันจากทางการจีน "เราเริ่มการสอบสวนเพราะสงสัยว่ามีการกระทำผิดกฎหมายในสิงคโปร์ เมื่อเราแน่ใจแล้วว่าข้อสงสัยของเราถูกต้อง เราก็ดำเนินการ" นางเตียวระบุ
ทั้งนี้ นางเตียวเป็น 1 ใน 3 รัฐมนตรีที่ตอบคำถามเกือบ 60 ข้อจากฝ่ายนิติบัญญัติสำหรับประเด็นดังกล่าว