ตัวเลขอย่างเป็นทางการของกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจีนเผยให้เห็นว่า ช่วงวันหยุดยาว 8 วันหรือโกลเด้นวีคเนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์และวันชาติจีน ซึ่งตรงกับวันที่ 29 ก.ย. - 6 ต.ค. ช่วยกระตุ้นให้การท่องเที่ยวในประเทศจีนฟื้นตัวขึ้นมาใกล้เคียงกับระดับในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แม้ว่าจะอยู่ในระดับต่ำกว่าที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้ในเบื้องต้น ส่วนการท่องเที่ยวต่างประเทศยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่นัก
กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจีน เปิดเผยว่า รายได้จากการท่องเที่ยวในประเทศในช่วงโกลเด้นวีคปีนี้อยู่ที่ 7.5343 แสนล้านหยวน (1.0324 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.5% จากปี 2562 ส่วนการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้น 4.1% จากปี 2562 สู่ระดับ 826 ล้านครั้ง
ตัวเลขทั้งสองต่ำกว่าที่สื่อของรัฐบาลคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ โดยคาดว่าจะมีการเดินทางในประเทศ 896 ล้านครั้ง และมีรายได้จากการท่องเที่ยวในประเทศ 7.825 แสนล้านหยวน
อย่างไรก็ดี นายโรบิน ซิง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์และทีมนักวิเคราะห์ประจำประเทศจีนของมอร์แกน สแตนลีย์ชี้ว่า ตัวเลขรายได้จากการท่องเที่ยวขั้นสุดท้ายยังคงฟื้นตัวสู่ระดับปี 2562 เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่จีนยกเลิกมาตรสกัดโรคโควิด-19 อันเข้มงวดเมื่อปลายปีที่แล้ว
นายซิงและทีมนักวิเคราะห์กล่าวเสริมว่า เมื่อพิจารณาการใช้จ่ายต่อหัวแล้วพบว่าการใช้จ่ายฟื้นตัวสู่ระดับ 98% ของระดับปี 2562 และสูงกว่าตัวเลข 85% ในช่วงเทศกาลวันหยุดต่าง ๆ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก
"การฟื้นตัวดังกล่าวน่าจะได้แรงหนุนจากวันหยุดยาวโกลเด้นวีคที่ยาวเป็นพิเศษ (8 วัน จากปกติ 7 วัน) ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการเดินทางระยะไกล และทำให้การใช้จ่ายโดยเฉลี่ยเพิ่มมากขึ้น" นักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์ กล่าว
รายงานระบุว่า ประชาชนใช้โอกาสวันหยุดยาวช่วงโกลเด้นวีคไปเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากปกติแล้วบริษัทต่าง ๆ ในจีนมักให้หยุดพักร้อนได้เพียงไม่กี่วัน
สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจีนรายงานว่า มีการเดินทางเข้าและออกจากจีนแผ่นดินใหญ่อยู่ที่ประมาณ 11.8 ล้านครั้งในช่วงวันหยุดยาว โดยเฉลี่ยอยู่ที่เกือบ 1.5 ล้านครั้งต่อวัน ซึ่งคิดเป็น 85.1% ของระดับปี 2562