สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของออสเตรเลียเปิดเผยในวันนี้ (8 พ.ย.) ว่า ออสเตรเลียเผชิญกับภัยแล้งในเดือนต.ค.รุนแรงที่สุดในรอบกว่า 20 ปี อันเนื่องมาจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ซึ่งก่อให้เกิดสภาพอากาศร้อนและแห้งแล้ง และส่งผลกระทบต่อผลผลิตเกษตรในออสเตรเลียซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศผู้ส่งออกข้าวสาลีรายใหญ่ที่สุดของโลก
สำนักงานฯ ระบุในรายงานภัยแล้งว่า เดือนต.ค.ที่ผ่านมาเป็นเดือนต.ค.ที่แห้งแล้งที่สุดของออสเตรเลียนับตั้งแต่ปี 2545 โดยมีปริมาณน้ำฝนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของปี 2504-2533 อยู่ราว 65%
สำนักงานฯ กล่าวว่า ทุกพื้นที่ของออสเตรเลีย ยกเว้นรัฐวิกตอเรีย มีปริมาณน้ำฝนต่ำกว่าค่าเฉลี่ย และรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ซึ่งเป็นภูมิภาคส่งออกธัญพืชใหญ่ที่สุด ประสบภาวะแห้งแล้งที่สุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนต.ค.
หลังจากฝนตกชุกมาเป็นเวลา 3 ปี ปรากฏการณ์เอลนีโญได้ก่อให้เกิดสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งแล้งในออสเตรเลีย โดยเดือนก.ย.ที่ผ่านมาเป็นเดือนที่แห้งแล้งที่สุด นับตั้งแต่เริ่มบันทึกข้อมูลเมื่อปี 2443
ฝนที่ตกในบางภูมิภาคของประเทศในช่วงต้นเดือนต.ค. ช่วยชะลอไม่ให้ผลผลิตพืชผลลดลงอย่างรวดเร็วตามคาดการณ์ แต่การเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวสาลีของออสเตรเลียคาดว่าจะยังคงลดลงประมาณ 35% ในปีนี้เหลือประมาณ 26 ล้านตัน
ทั้งนี้ สำนักงานฯ ระบุเสริมว่า พื้นที่ฝนแล้งขยายตัวมากขึ้นและทวีความรุนแรงมากขึ้นในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียทางตะวันตกเฉียงใต้ รัฐควีนส์แลนด์ทางตะวันออกเฉียงใต้ และบางส่วนของตอนเหนือสุด (Top End) ในนอร์ทเทิร์น เทอร์ริทอรี่ และเหนือสุดของรัฐควีนส์แลนด์ ส่วนภาวะขาดแคลนน้ำฝนบรรเทาลงในรัฐวิกตอเรียทางตอนใต้และรัฐแทสเมเนียทางตะวันออก"