องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยเมื่อวานนี้ (23 พ.ย.) ว่า หน่วยงานด้านสาธารณสุขของจีนไม่พบเชื้อโรคที่ผิดปกติหรือชนิดใหม่ ๆ และได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของโรคระบบทางเดินหายใจและคลัสเตอร์ของโรคปอดอักเสบ (pneumonia) ในเด็กตามที่ WHO เรียกร้อง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (22 พ.ย.) WHO ได้ขอให้จีนแสดงข้อมูลเพิ่มเติมทางระบาดวิทยาและทางคลินิก ตลอดจนผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการผ่านกลไกกฎระเบียบด้านสุขภาพระหว่างประเทศ หลังจากที่กลุ่มต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงโครงการติดตามโรคอุบัติใหม่ (ProMED) ได้รายงานเกี่ยวกับคลัสเตอร์ของโรคปอดอักเสบในเด็กที่ยังไม่ได้รับการวินิจฉัยทางตอนเหนือของจีน
จีนได้ตอบกลับ WHO ภายใน 24 ชั่วโมงตามกฎระเบียบ โดยข้อมูลบ่งชี้ว่า การเพิ่มขึ้นของโรคระบบทางเดินหายใจดังกล่าวเชื่อมโยงกับการยกเลิกข้อจำกัดในการสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และจากการแพร่ระบาดของโรคที่รู้จักกันดี อาทิ โรคปอดอักเสบจากเชื้อไมโคพลาสมา (mycoplasma pneumoniae) ที่ระบาดมาตั้งแต่เดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการติดเชื้อจากแบคทีเรียที่พบได้บ่อยและมักส่งผลต่อเด็กเล็ก ตลอดจนไข้หวัดใหญ่ (influenza), เชื้อไวรัสโรคระบบทางเดินหายใจ (RSV) และเชื้ออะดีโนไวรัส (adenovirus) ที่ระบาดมาตั้งแต่เดือนต.ค.
นายเบน คาวลิง นักระบาดวิทยาจากมหาวิทยาลัยฮ่องกงกล่าวว่า "มันเป็นเพียงการเพิ่มขึ้นของโรคประจำฤดูที่ค่อนข้างมากเท่านั้นเอง ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะความบังเอิญ และส่วนหนึ่งเป็นเพราะ 'หนี้ภูมิคุ้มกัน' (immunity debt) ซึ่งหมายถึงการที่ภูมิคุ้มกันของประชากรโดยรวมลดลงและมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะติดเชื้อโรค หลังจากที่โรคระบาดได้ลดลงอย่างมากในช่วงฤดูหนาวของเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา"
ทั้งนี้ ตั้งแต่กลางเดือนต.ค. WHO เปิดเผยว่า ทางตอนเหนือของจีนรายงานว่ามีการเจ็บป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ในภาคเหนือของจีนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดย WHO ระบุว่า จีนมีระบบในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราการเกิดการเจ็บป่วย และรายงานข้อมูลดังกล่าวไปยังแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น ระบบเฝ้าระวังและตอบสนองต่อไข้หวัดใหญ่ทั่วโลก (Global Influenza Surveillance and Response System)
อย่างไรก็ดี ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา สื่อในเมืองต่าง ๆ เช่น ซีอาน ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ได้โพสต์วิดีโอแสดงภาพกลุ่มพ่อแม่ลูกจำนวนมากกำลังรอการตรวจอาการป่วยที่โรงพยาบาล ขณะที่ผู้ใช้โซเชียลมีเดียบางรายโพสต์รูปเด็ก ๆ กำลังทำการบ้านในโรงพยาบาลขณะรับยาหยดผ่านทางหลอดเลือดดำ