กระทรวงสาธารณสุขจีนเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเพิ่มจำนวนคลินิกสำหรับผู้ป่วยที่มีไข้ ในขณะที่จีนกำลังรับมือกับโรคระบบทางเดินหายใจที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงฤดูหนาวแรกนับตั้งแต่ผ่อนคลายมาตรการสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19
จำนวนผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจในประเทศจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกลายเป็นประเด็นระดับโลกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมจากจีน โดยระบุถึงรายงานเกี่ยวกับคลัสเตอร์ของโรคปอดอักเสบ (pneumonia) ในเด็กที่ยังไม่ได้รับการวินิจฉัยโดยโครงการเฝ้าระวังโรคอุบัติใหม่
ทั้งนี้ จีนและ WHO ต่างต้องเผชิญกับคำถามถึงความโปร่งใสของรายงานเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ในช่วงแรก ๆ ซึ่งโรคดังกล่าวแพร่ระบาดจากเมืองอู่ฮั่นในช่วงปลายปี 2562 และต้นปี 2563 โดย WHO ระบุเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (24 พ.ย.) ว่า หน่วยงานด้านสาธารณสุขของจีนไม่พบเชื้อโรคที่ผิดปกติหรือเชื้อชนิดใหม่ ๆ แต่อย่างใด
นายมี่ เฟิง โฆษกคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (NHC) ของจีนเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า การเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจอย่างเฉียบพลันนั้นมีความเชื่อมโยงกับการแพร่ระบาดของเชื้อโรคหลายชนิดพร้อมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคไข้หวัดใหญ่ (influenza)
ทั้งนี้ มีรายงานการพบผู้ป่วยเด็กจำนวนมากในพื้นที่ทางตอนเหนือ เช่น ปักกิ่งและมณฑลเหลียวหนิง ซึ่งโรงพยาบาลได้ออกประกาศเตือนว่าต้องรอการรักษาเป็นเวลานาน
สภาแห่งรัฐ ซึ่งเป็นคณะรัฐมนตรีของจีนกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า ยอดผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่จะแตะระดับสูงสุดในฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลินี้ ในขณะที่การติดเชื้อโรคปอดอักเสบจากเชื้อไมโคพลาสมา (mycoplasma pneumoniae) จะยังคงสูงในบางพื้นที่ นอกจากนี้ ยังเตือนถึงความเสี่ยงที่โรคโควิด-19 จะกลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง
ส่วนเมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา WHO ระบุว่า ข้อมูลที่ได้รับจากจีนระบุว่า ผู้ป่วยกลุ่มล่าสุดมีความเชื่อมโยงกับการยกเลิกมาตรการคุมเข้มโควิด-19 เมื่อ 11 เดือนที่แล้ว ประกอบกับการแพร่ระบาดของโรคที่รู้จักกันดี เช่น โรคปอดอักเสบจากเชื้อไมโคพลาสมา ซึ่งเป็นการติดเชื้อแบคทีเรียทั่วไปที่มักเกิดขึ้นกับเด็ก ซึ่งแพร่ระบาดตั้งแต่เดือนพ.ค.