สายการบินเอล อัล อิสราเอล แอร์ไลน์ (El Al Israel Airlines) ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติของอิสราเอลเปิดเผยเมื่อวานนี้ (30 พ.ย.) ว่า ทางสายการบินได้ปฏิบัติการในโหมดฉุกเฉิน นับตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสของปาเลสไตน์เริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว ขณะที่สายการบินรายงานผลกำไรลดลงในไตรมาส 3 ของปีนี้ หลังจากกำไรเพิ่มขึ้นในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว
ทั้งนี้ สายการบินเอล อัล เป็นหนึ่งในสายการบินเพียงไม่กี่แห่งที่ยังคงให้บริการบินไป-กลับกรุงเทลอาวีฟ หลังจากที่สายการบินต่างประเทศส่วนใหญ่หยุดให้บริการ เนื่องมาจากเหตุผลด้านการประกันภัย ขณะที่รัฐบาลอิสราเอลให้การสนับสนุนด้านการประกันภัยสำหรับสายการบินในประเทศ เพื่อช่วยให้ดำเนินการต่อไปได้
"เป้าหมายของเราในทุกวันนี้คือความรับผิดชอบอย่างมากต่อประชาชนและประเทศของเรา" นางดีนา เบน-ทัล กานันเซีย ซีอีโอของสายการบินเอล อัล กล่าว "เราปรับตัวให้เข้ากับโหมดฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็ว และต้องมั่นใจได้ว่าตารางการบินจะมีความสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ไปพร้อม ๆ กับการดูแลความปลอดภัยและความมั่นคงของผู้โดยสาร"
สายการบินเอล อัลซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติอิสราเอลได้ดำเนินการปรับเปลี่ยนหลายประการ นับตั้งแต่ความขัดแย้งเริ่มต้นขึ้น รวมถึงการเพิ่มเที่ยวบินไปและกลับจากอเมริกาเหนือ ไทย ลอนดอน และปารีส รวมทั้งระงับเที่ยวบินไปยังจุดหมายปลายทางอื่น ๆ บางแห่งชั่วคราว
สายการบินได้เพิ่มเที่ยวบินไปยังอิสตันบูล ชาร์ม เอล-ชีค และมาราเกซเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งเป็นเส้นทางการบินที่ถูกระงับไปก่อนหน้านี้ แต่เที่ยวบินเหล่านี้อาจถูกยกเลิกทั้งหมด หากอุปสงค์จากนักท่องเที่ยวอิสราเอลไม่ฟื้นตัวหลังสงคราม
นอกจากนี้ สายการบินระบุอีกว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป โดยมีผู้โดยสารจองตั๋วแบบเร่งด่วนในนาทีสุดท้ายมากขึ้น แทนที่จะจองล่วงหน้านานหลายเดือน
แม้ว่าอุปสงค์ด้านการท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดจะลดลง แต่ผู้คนยังคงเดินทางไปเยี่ยมเยียนครอบครัว โดยรวมแล้ว ไม่คาดว่าผู้โดยสารจะลดลงอย่างมากในไตรมาสที่ 4 นี้