สถาบันวิจัยประชากรอวี้วา (Yuwa Population Research Institute) เปิดเผยในวันนี้ว่า การลงทุนในเด็กถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดต่อเศรษฐกิจจีน เพื่อช่วยกระตุ้นการบริโภคและเพิ่มอุปสงค์ภายในประเทศ โดยข้อเสนอแนะดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่จีนประสบปัญหาประชากรลดลงในปีแล้ว ซึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 60 ปี
จีน ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อให้ฟื้นตัวกลับมาอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19, การลดลงของแรงงานในอนาคต และอุปสงค์ของผู้บริโภค มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจของจีน
"เศรษฐกิจจีนในปัจจุบันนั้น เด็กคือการลงทุนที่ดีที่สุด การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานกำลังถึงจุดอิ่มตัว และมีการผลิตส่วนเกินมากเกินไป แต่การลงทุนในจำนวนเด็กยังไม่เพียง" รายงานนโยบายของสถาบันอวี้วาระบุ พร้อมกับเรียกร้องให้ทางการจีนแก้ไขปัญหาจำนวนเด็กทารกแรกเกิดที่ลดลงอย่างรวดเร็วเป็นการเร่งด่วน
นอกจากนี้ ความได้เปรียบของจีนจะลดลงในอนาคต เนื่องจากจำนวนประชากรวัยหนุ่มสาวลดลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่มาตรการต่าง ๆ ทางเศรษฐกิจ เช่น การปรับลดอัตราดอกเบี้ย การกระตุ้นตลาดทุน รวมถึงการปรับกฎระเบียบด้านอสังหาริมทรัพย์ให้เหมาะสม ต่างก็ไม่ได้ช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพ และการฟื้นตัวยังคงอ่อนแอ
สถาบันอวี้วายังแนะนำว่า เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น การแจกจ่ายเงินอุดหนุนการคลอดบุตรควรจัดการโดยรัฐบาลกลาง แทนที่จะให้รัฐบาลท้องถิ่นเป็นผู้จัดการ และควรดำเนินมาตรการที่กำหนดเป้าหมายชัดเจนเพื่อลดต้นทุนเกี่ยวกับการคลอดบุตรและการเลี้ยงดูบุตรให้กับประชาชน
แม้ว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลท้องถิ่นของจีนได้ประกาศมาตรการต่าง ๆ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูเด็ก แต่หลายมาตรการยังไม่ได้มีการบังคับใช้หรือยังคงอยู่บนแผ่นกระดาษเท่านั้น เนื่องจากการเงินทุนไม่เพียงพอ และการขาดแรงกระตุ้นจากรัฐบาลท้องถิ่น
ทั้งนี้ ในปี 2565 จีนรายงานจำนวนประชากร 1.41175 พันล้านคน ลดลงประมาณ 850,000 คน นับเป็นการลดลงครั้งแรกตั้งแต่ปี 2504 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของภาวะอดอยากครั้งใหญ่ในจีน (China's Great Famine)