ผลการศึกษารถยนต์ 30 แบรนด์โดยเลนดิงทรี (LendingTree) บ่งชี้ว่า ผู้ขับขี่รถยนต์เทสลาในสหรัฐมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุในอัตราที่สูงกว่าผู้ขับขี่รถยนต์แบรนด์อื่น ๆ ตลอดปีที่ผ่านมา
โฆษกของเลนดิงทรีเปิดเผยกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีผ่านทางอีเมลเมื่อวานนี้ (19 ธ.ค.) ว่า นักวิจัยวิเคราะห์คำพูดของผู้คนที่ต้องการทำประกันรถยนต์ของตนเอง และไม่รวมข้อมูลอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับผู้ขับขี่รถยนต์เช่า
ผลการศึกษาระบุว่า "มันยากที่จะหาเหตุผลที่ชัดเจนว่า ทำไมบางแบรนด์ถึงมีอัตราการประสบอุบัติเหตุมากกว่าแบรนด์อื่น อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยที่บ่งชี้ว่า รถยนต์บางประเภทดึงดูดผู้ขับขี่ที่มีความเสี่ยงมากกว่าประเภทอื่น ๆ"
ทั้งนี้ ผู้ขับขี่รถยนต์เทสลามีอัตราการประสบอุบัติเหตุสูงที่สุดในสหรัฐ ระหว่างช่วงกลางเดือนพ.ย. 2565 จนถึงกลางเดือนพ.ย. 2566 ด้วยจำนวนอุบัติเหตุ 24 ครั้งต่อผู้ขับขี่ 1,000 คน ตามด้วยผู้ขับขี่รถยนต์แรม (Ram) ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุราว 23 ครั้ง และผู้ขับขี่ซูบารุ (Subaru) ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุราว 21 ครั้งต่อผู้ขับขี่ 1,000 คนตลอดปี
ในทางกลับกัน ผู้ขับขี่รถยนต์พอนทิแอก (Pontiac), เมอคิวรี (Mercury) และแซทเทิร์น (Saturn) มีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุน้อยกว่า 10 ครั้งต่อผู้ขับขี่ 1,000 คนในช่วงเวลาดังกล่าว
นักวิจัยพบว่า ผู้ขับขี่รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู (BMW) มีแนวโน้มที่จะขับขี่ยานพาหนะขณะเมาสุราหรือเสพของมึนเมา (DUIs) มากที่สุด โดยผู้ขับขี่เหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ DUIs ราว 3 ครั้งต่อจำนวนผู้ขับขี่ 1,000 คนในหนึ่งปี ซึ่งมากกว่าอัตราของผู้ขับขี่รถยนต์แรมที่ตามมาเป็นอันดับสองเป็นเท่าตัว
ด้านเหตุการณ์การขับขี่โดยรวม ซึ่งรวมตั้งแต่อุบัติเหตุ, DUIs, การขับรถเร็วเกินกำหนด และอื่น ๆ ผู้ขับขี่รถยนต์แรมมีอัตราการก่อเหตุสูงสุด ขณะที่ผู้ขับขี่เทสลาตามมาเป็นอันดับสองในสหรัฐ
ทั้งนี้ อุบัติเหตุ, DUIs, การขับรถเร็วเกินกำหนด และอื่น ๆ ล้วนส่งผลให้ค่าทำประกันของผู้ขับขี่สูงขึ้น โดยเลนดิงทรีพบว่า ใบสั่งขับรถเร็วหนึ่งใบสามารถเพิ่มค่าประกันภัยรถยนต์ได้ 10-20% อุบัติเหตุสามารถเพิ่มค่าประกันประมาณ 40% ในขณะที่ DUIs อาจทำให้ค่าประกันเพิ่มขึ้น 60% ขึ้นไป