รายงานระบุว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหว 6.2 แมกนิจูดที่เทศมณฑลจีสือซานบริเวณใกล้ชายแดนระหว่างมณฑลกานซู่และมณฑลชิงไห่เมื่อเวลา 23.59 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันจันทร์ (18 ธ.ค.) ส่งผลให้ชาวบ้านต้องอพยพออกจากบ้านเรือนท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวจัดในตอนกลางคืน
เหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวสร้างความเสียหายต่อถนน สายไฟ และท่อน้ำ รวมถึงอาคารบ้านเรือนของประชาชนจำนวน 155,393 หลัง ตลอดจนส่งผลให้เกิดดินและโคลนถล่ม
ขณะนี้จีนได้เริ่มดำเนินมาตรการฉุกเฉินแล้ว โดยหลายหน่วยงานของจีนได้ส่งบุคลากรหลายพันคนไปยังพื้นที่ประสบภัยบนภูเขาเพื่อระดมกำลังค้นหาผู้รอดชีวิตและฟื้นฟูถิ่นฐานใหม่
สถานีโทรทัศน์ CCTV ของทางการจีนรายงานว่า พื้นที่ที่เกิดแผ่นดินไหวเป็นช่วงรอยต่อทางภูมิศาสตร์ระหว่างที่ราบสูง 2 แห่ง โดยภูมิประเทศมีระดับความสูงตั้งแต่ 1,800 - 4,300 เมตร (5,906 - 14,108 ฟุต) และมีความซับซ้อนมาก
อย่างไรก็ตาม ความพยายามในการฟื้นฟูจากเหตุแผ่นดินไหวกำลังเผชิญกับความท้าทายจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นซึ่งแผ่ปกคลุมหลายพื้นที่ของประเทศนับตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยอุณหภูมิรอบศูนย์กลางแผ่นดินไหวในกานซู่ลดลงเหลือประมาณ -15 องศาเซลเซียสในคืนวันอังคาร (19 ธ.ค.) ขณะที่หน่วยกู้ภัยยังคงทำงานต่อไป
สื่อท้องถิ่นรายงานโดยอ้างข้อมูลจากนักวิจัยว่า ผู้ที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังต้องเผชิญกับอุณหภูมิ -10 องศาเซลเซียสโดยไม่มีตัวช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติซึ่งจะมีชีวิตอยู่ได้เพียง 5-10 ชั่วโมง หากไม่มีอาการบาดเจ็บ
เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในมณฑลกานซู่แตะ 113 ราย เมื่อนับจนถึง 9.00 น. ของวันนี้ (20 ธ.ค.) และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 782 ราย
ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตในมณฑลชิงไห่เพิ่มขึ้นแตะ 18 ราย และบาดเจ็บ 198 ราย เมื่อนับจนถึง 05.30 น. ของวันนี้
สถานีโทรทัศน์ช่อง CCTV ระบุว่า มีผู้ได้รับการช่วยเหลือแล้ว 78 รายในมณฑลกานซู่