สมาคมผู้ผลิตรถยนต์ยุโรป (ACEA) เปิดเผยข้อมูลในวันนี้ (20 ธ.ค.) ว่า ยอดขายรถยนต์ในสหภาพยุโรป (EU) เพิ่มขึ้น 6% ในเดือนพ.ย. เนื่องจากผู้ผลิตยังคงเดินหน้าผลิตรถยนต์ตามคำสั่งซื้อที่คั่งค้าง ส่งผลให้ยอดขายในภูมิภาคจ่อขยายตัวในอัตราเลขสองหลักในปีนี้
ACEA ระบุว่า ยอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 16 แตะที่ 1.08 ล้านคันในเดือนพ.ย. โดยยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าแบบเต็มรูปแบบคิดเป็นสัดส่วน 17% ของยอดขายทั้งหมด
รายงานระบุว่า ผู้ผลิตรถยนต์กำลังผลิตรถยนต์เพื่อตอบสนองต่ออุปสงค์ที่คั่งค้าง โดยอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงช่วยบรรเทาปัญหางบประมาณตึงตัวในภาคครัวเรือน
บลูมเบิร์ก อินเทลลิเจนซ์ (Bloomberg Intelligence) คาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ในยุโรปในปีนี้จะโต 14% แต่ยังมีความเสี่ยงเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยุโรป ขณะเดียวกันอุปสงค์รถยนต์ไฟฟ้าก็ชะลอตัวลง เนื่องจากการลดมาตรการอุดหนุนการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า โครงสร้างพื้นฐานที่ไม่แน่นอน และรถบางรุ่นที่มีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานทำให้คนไม่อยากซื้อรถยนต์ไฟฟ้า
ทั้งนี้ ยอดขายรถยนต์ใน EU ขยายตัว แม้ว่ายอดขายรถยนต์ในเยอรมนีซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของภูมิภาค ลดลง 5.7% หลังจากที่รัฐบาลเยอรมนียุติการให้เงินอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้า อีกทั้งยังได้ยุติโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจสำหรับผู้ซื้อเอกชนอย่างกะทันหันเนื่องจากเยอรมนีเผชิญวิกฤตด้านงบประมาณ โดยกรณีดังกล่าวส่งผลให้ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ เช่น โฟล์คสวาเกน เมอร์เซเดส-เบนซ์ เทสลา และสเตลแลนทิสจำเป็นต้องเปิดตัวโปรโมชั่นลดราคาของตนเอง