เจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า อัตราการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ๆ ที่อยู่ในระดับต่ำนั้น กำลังสร้างกดดันต่อระบบการรักษาพยาบาลในช่วงฤดูหนาวนี้
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานผู้ป่วยเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยอาการที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อทางเดินหายใจเพิ่มมากขึ้นในสหรัฐ, หลายประเทศในยุโรป และภูมิภาคอื่น ๆ ของโลก แม้ว่าอัตราการเสียชีวิตในกลุ่มผู้สูงอายุจะเพิ่มสูงขึ้นในบางพื้นที่ แต่ยังคงต่ำกว่าช่วงที่โรคโควิด-19 แพร่ระบาดในระดับสูงสุด
ด้านรัฐบาลสเปนและเครือข่ายโรงพยาบาลบางแห่งในสหรัฐได้กลับมาใช้ข้อกำหนดให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในสถานพยาบาลอีกครั้ง
นางมาเรีย ฟาน เคอร์โคฟ รักษาการผู้อำนวยการด้านโรคระบาดและการเตรียมพร้อมรับมือกับโรคระบาดขององค์การอนามัยโลกกล่าวว่า มีผู้คนจำนวนมากที่ล้มป่วยและต้องเข้ารับการรักษาตัวด้วยโรคไข้หวัดใหญ่และโรคโควิด-19 แม้ว่าจะสามารถป้องกันได้ก็ตาม
นางเคอร์โคฟกล่าวว่า อัตราการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่และโควิด-19 ในหลายประเทศในฤดูกาลนี้อยู่ในระดับที่ต่ำมาก ในขณะที่โลกพยายามจะฟื้นตัวจากโรคระบาดและข้อจำกัดต่าง ๆ
ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขกล่าวว่า นับตั้งแต่การประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพทั่วโลกสิ้นสุดลงในเดือนพ.ค. 2566 รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ประสบปัญหาในการสื่อสารและแจ้งให้ประชาชนรับทราบถึงความเสี่ยงของโรคโควิด-19 ที่ยังคงดำเนินอยู่ และประโยชน์ของการฉีดวัคซีน
ข้อมูลจากศูนย์ป้องกันและควบคุมโรค (CDC) ของสหรัฐ และหน่วยสำรวจด้านการสร้างภูมิคุ้มกันของชาติ เปิดเผยให้เห็นว่า มีผู้ใหญ่ในสหรัฐเพียง 19.4% เท่านั้นที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในฤดูกาลนี้ แม้ว่ามีคำแนะนำให้ผู้ใหญ่ทุกคนฉีดวัคซีนกระตุ้นเพื่อป้องกันการเจ็บป่วยร้ายแรงก็ตาม