ผลผลิตก๊าซธรรมชาติสหรัฐร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือนเมื่อวันอาทิตย์ (14 ม.ค.) เนื่องจากสภาพอากาศที่เย็นจัดทำให้บ่อก๊าซธรรมชาติทั่วประเทศกลายเป็นน้ำแข็ง ในขณะที่อุปสงค์ก๊าซเพื่อให้ความร้อนและการผลิตไฟฟ้าคาดว่าจะพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
สภาการไฟฟ้าแห่งรัฐเท็กซัส (ERCOT) ผู้ดำเนินการโครงข่ายไฟฟ้าของรัฐ คาดการณ์ว่า ความต้องการไฟฟ้าในวันอังคาร (16 ม.ค.) จะพุ่งเกินระดับสูงสุดเท่าที่เคยมีมาเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว พร้อมเตือนว่าอาจมีการขาดแคลนไฟฟ้าทั้งในวันจันทร์ (15 ม.ค.) และวันอังคาร (16 ม.ค.)
สภาการไฟฟ้าแห่งรัฐเท็กซัส ได้ออกประกาศในวันอาทิตย์ (14 ม.ค.) เพื่อขอความร่วมมือประชาชนให้ช่วยกันประหยัดพลังงานตั้งแต่เวลา 6.00 น.-10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันจันทร์ (15 ม.ค.)
นอกจากนี้ สภาการไฟฟ้าแห่งรัฐเท็กซัสยังได้เรียกร้องให้หน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาลเท็กซัสให้เปิดใช้งานโปรแกรมทั้งหมดที่มี ซึ่งมุ่งลดการใช้พลังงานในช่วงเวลาดังกล่าว และระบุในแถลงการณ์ว่าเนื่องจากอุณหภูมิเยือกแข็งอย่างต่อเนื่อง ความต้องการสูงเป็นพิเศษ และลมที่ต่ำกว่าปกติ เราจึงคาดว่าปริมาณไฟฟ้าสำรองที่แจกจ่ายได้จะอยู่ในระดับต่ำในวันจันทร์ (15 ม.ค.)
ด้านแอลเอสอีจี (LSEG) ระบุว่า การลดลงของปริมาณก๊าซธรรมชาติในสหรัฐที่พร้อมสำหรับใช้งานในสัปดาห์นี้ ถือเป็นการลดลงในปริมาณมากที่สุดในรอบกว่า 1 ปี คาดว่าอุปทานจะลดลงประมาณ 9.6 พันล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคมถึง 14 มกราคม แตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือน ที่ 9.86 หมื่นล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ในวันที่ 14 ม.ค.
อย่างไรก็ตาม การลดลงดังกล่าวยังคงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการสูญเสียปริมาณก๊าซที่ราว 1.96 หมื่นล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ระหว่างที่เกิดพายุหิมะเอลเลียตในเดือนธ.ค. 2565 และการสูญเสีย 2.04 หมื่นล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในช่วงที่อากาศเย็นจัดเมื่อเดือนก.พ. 2564
ทั้งนี้ หน่วยงานท่อส่งก๊าซนอร์ทดาโคตาระบุว่า การผลิตน้ำมันทางตอนเหนือของนอร์ทดาโคตาลดลงประมาณ 250,000-280,000 บาร์เรลต่อวัน เนื่องจากสภาพอากาศที่เย็นจัด ขณะที่ผลผลิตก๊าซลดลง 700-800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน