สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) มีคำสั่งระงับแผนการของโบอิ้งในการขยายการผลิตเครื่องบินรุ่น 737 MAX เพิ่มเติม แต่ได้อนุญาตให้เครื่องบินรุ่น 737 MAX 9 สามารถขึ้นบินได้อีกครั้ง ซึ่งเป็นระยะเวลาเกือบ 3 สัปดาห์ หลังจากเครื่องบินรุ่น 737 MAX 9 ของสายการบินอลาสกา แอร์ไลน์ (Alaska Airlines) เที่ยวบินที่ 1282 เกิดเหตุผนังเครื่องบินหลุดกลางอากาศ ระหว่างเดินทางออกจากเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน เมื่อวันที่ 5 ม.ค.
นายไมค์ วิทเทเกอร์ ผู้บริหารสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันพุธ (24 ม.ค.) ว่า "โบอิ้งยังไม่สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจตามปกติได้ ... เราจะไม่อนุมัติคำขอใด ๆ จากโบอิ้ง ในการขอขยายการผลิตหรือเปิดสายการผลิตเครื่องบิน 737 MAX เพิ่มเติม จนกว่าเราจะมั่นใจได้ว่าปัญหาการควบคุมคุณภาพที่ถูกพบระหว่างการตรวจสอบได้รับการแก้ไขแล้ว"
สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐยังได้อนุมัติคำแนะนำสำหรับการตรวจสอบเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX 9 โดยสารการบินต่าง ๆ กำลังรอการอนุมัติดังกล่าว เพื่อใช้ในการตรวจสอบเครื่องบินในฝูงบินของตน และนำเครื่องบินเหล่านั้นกลับมาให้บริการอีกครั้ง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า โบอิ้งกำลังพยายามอย่างมากในการเดินหน้าเพิ่มการผลิตเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX ซึ่งเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุด เนื่องจากสายการบินต่าง ๆ ต่างต้องการเครื่องบินใหม่เข้าสู่ฝูงบิน หลังจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐได้สั่งระงับเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX 9 หลังจากผนังเครื่องบินรุ่นดังกล่าวของสายการบินอลาสกา แอร์ไลน์ เกิดผนังเครื่องบินหลุดกลางอากาศ และขณะนี้กำลังตรวจสอบกระบวนการผลิตของโบอิ้ง โดยนายวิทเทเกอร์กล่าวว่า จะส่งผู้ตรวจสอบไปประจำการที่โรงงานของโบอิ้งจนกว่าจะมั่นใจได้ว่าระบบรับรองคุณภาพได้ดำเนินการไปอย่างถูกต้อง
ทั้งนี้ คำสั่งห้ามเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX 9 ขึ้นบิน ส่งผลให้สายการบินอลาสกา แอร์ไลน์ และสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ (United Airlines) ต้องยกเลิกเที่ยวบินหลายร้อยเที่ยวบิน
อนึ่ง ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ มีเครื่องบิน 737 MAX 9 ในฝูงบินจำนวน 79 ลำ ในขณะที่อลาสกา แอร์ไลน์ มีในฝูงบิน 65 ลำ