หน่วยงานติดตามการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโคเปอร์นิคัสของสหภาพยุโรป (C3S) เปิดเผยในวันนี้ (8 ก.พ.) ว่า โลกเพิ่งประสบกับเดือนม.ค.ที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่อุณหภูมิยังคงร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่องอันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
รายงานระบุว่า เดือนม.ค. 2567 ได้ทำลายสถิติเดือนม.ค.ที่ร้อนที่สุดก่อนหน้านี้ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี 2563 จากการบันทึกสถิติของ C3S ซึ่งย้อนกลับไปถึงปี 2493
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เดือนม.ค.ที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์นั้น เกิดขึ้นต่อเนื่องหลังจากที่ปี 2566 ถูกจัดให้เป็นปีที่ร้อนที่สุดในโลกตามบันทึกข้อมูลย้อนกลับไปถึงปี 2393 เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอันเกิดจากฝีมือมนุษย์และปรากฏการณ์เอลนีโญ ซึ่งทำให้อุณหภูมิผิวน้ำของมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออกร้อนขึ้น ส่งผลให้อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ นับตั้งแต่เดือนมิ.ย.เป็นต้นมา ทุก ๆ เดือนได้ทำลายสถิติอุณหภูมิสูงสุดเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ๆ
ซาแมนธา เบอร์เจสส์ รองผู้อำนวยการของ C3S กล่าวว่า "นอกจากเดือนม.ค.จะร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์แล้ว เราเพิ่งเจอช่วงเวลา 12 เดือนที่อุณหภูมิสูงกว่ายุคก่อนอุตสาหกรรมกว่า 1.5 องศาเซลเซียส การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยความรวดเร็วเป็นหนทางเดียวที่จะสกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มสูงขึ้นไปมากกว่านี้"
นักวิทยาศาสตร์สหรัฐเคยกล่าวไว้ว่า มีโอกาสราวหนึ่งในสามที่ปี 2567 จะร้อนกว่าปีก่อนหน้า และมีโอกาส 99% ที่จะติดอันดับปีที่ร้อนที่สุดในโลก 5 อันดับแรก
ทั้งนี้ ปรากฏการณ์เอลนีโญเริ่มอ่อนกำลังลงเมื่อเดือนที่แล้ว และเหล่านักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่าอาจพลิกผันกลายเป็นปรากฏการณ์ลานีญาแทน อย่างไรก็ตาม อุณหภูมิผิวน้ำทะเลโดยเฉลี่ยทั่วโลกเมื่อเดือนที่แล้วยังคงอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับเดือนม.ค.