อัตราการเจริญพันธุ์ของเกาหลีใต้ ซึ่งต่ำที่สุดในโลกอยู่แล้วเป็นทุนเดิม ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2566 โดยเป็นความท้าทายที่เกิดขึ้นแม้เกาหลีใต้ทุ่มเม็ดเงินหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนมีบุตรมากขึ้น ในขณะที่จำนวนประชากรลดลงเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน
สำนักงานสถิติแห่งชาติเกาหลีใต้เปิดเผยรายงานในวันนี้ (28 ก.พ.) ว่า อัตราการเจริญพันธุ์ซึ่งหมายถึงจำนวนบุตรโดยเฉลี่ยของสตรีในช่วงวัยเจริญพันธุ์ ลดลงจากระดับ 0.78 คน ในปี 2565 สู่ระดับ 0.72 คน ในปี 2566
นับตั้งแต่ปี 2561 เกาหลีใต้คือประเทศสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) เพียงชาติเดียวที่มีอัตราการเจริญพันธุ์อยู่ในระดับต่ำกว่า 1 คน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัฐบาลเกาหลีใต้ยกประเด็นอัตราการเกิดต่ำขึ้นเป็นปัญหาสำคัญระดับชาติ และให้คำมั่นในเดือนธ.ค. 2566 ว่าจะออกมาตรการพิเศษต่าง ๆ เพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าว
นอกจากนี้แล้ว ก่อนเกาหลีใต้เปิดฉากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเดือนเม.ย. 2567 นั้น บรรดาพรรคการเมืองใหญ่ต่างให้คำมั่นว่าจะเพิ่มที่อยู่อาศัยสาธารณะให้มากขึ้น และอำนวยความสะดวกให้การกู้ยืมเงินง่ายขึ้น เพื่อยับยั้งการลดลงของจำนวนประชากร โดยมีเป้าหมายเพื่อบรรเทาความกังวลที่ว่า "ประเทศจะสูญพันธุ์" เนื่องจากอัตราการเจริญพันธุ์ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง
การที่บรรดาพรรคการเมืองต่าง ๆ มุ่งเน้นความสนใจไปที่ประเด็นจำนวนประชากรในการหาเสียงเลือกตั้ง สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลที่เพิ่มมากขึ้น หลังจากที่รัฐบาลใช้จ่ายไปมากกว่า 360 ล้านล้านวอน (2.7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในด้านต่าง ๆ เช่น เงินอุดหนุนการเลี้ยงดูเด็ก ตั้งแต่ปี 2549 แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาอัตราการเจริญพันธุ์ที่ต่ำมากเป็นประวัติการณ์ได้
ในเกาหลีใต้นั้น การแต่งงานถูกมองว่าเป็นเงื่อนไขเบื้องต้นสำหรับการมีบุตร แต่อย่างไรก็ตาม อัตราการแต่งงานก็กำลังลดลงเช่นกัน โดยสาเหตุหลักของแนวโน้มนี้มาจากภาระทางการเงิน
ทั้งนี้ เกาหลีใต้ไม่ได้เป็นประเทศเดียวในภูมิภาคที่เผชิญกับความท้าทายจากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุผู้อย่างรวดเร็ว โดยประเทศเพื่อนบ้านเช่นญี่ปุ่นก็เผชิญกับอัตราการเจริญพันธุ์ลดลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.26 คนในปี 2565 ในขณะที่จีนก็มีอัตราการเจริญพันธุ์ที่ 1.09 คน ซึ่งต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน