สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า หลังจากเปิดตัวในฐานะผู้จัดจำหน่ายรถบีวายดี (BYD) แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเมื่อปีกว่า นายประธานวงศ์ พรประภา และนางสาวประธานพร พรประภา ผู้เป็นน้องสาว จำเป็นต้องฉีกแผนธุรกิจอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากยอดขาดพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเกินกว่าที่วางแผนไว้
"ยอดขายนั้นเติบโตเร็วกว่าที่เราคาดไว้" นายประธานวงศ์ ซีอีโอของเรเว่ กรุ๊ป (Rever Group) อธิบายถึงความต้องการที่แข็งแกร่งมากจนบริษัทต้องขอให้บีวายดีเพิ่มซัพพลาย
เมื่อเดือนม.ค. นายประธานวงศ์ และนางสาวประธานพร ผู้เป็นน้องสาว ได้กล่าวให้สัมภาษณ์ร่วมกัน โดยอธิบายถึงแนวทางที่บริษัทช่วยให้บีวายดีขยายธุรกิจเข้าสู่ประเทศไทยจนกลายเป็นตลาดต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดได้ในระยะเวลาเพียง 15 เดือน
ความสำเร็จอย่างรวดเร็วของเรเว่นั้นเผยให้เห็นถึงแผนงานของบีวายดี เมื่อผู้ผลิตยานยนต์สัญชาติจีนรายนี้กำลังแสวงหาการเติบโตในตลาดต่างประเทศ ในช่วงเวลาที่ตลาดจีนชะลอตัวลง
ด้านเคาน์เตอร์พอยต์ (Counterpoint) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาด เปิดเผยว่า ปัจจุบัน บีวายดีครองส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของไทยมากเป็นอันดับหนึ่งถึง 46% และเป็นผู้เล่นรายใหญ่อันดับ 3 ของตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลโดยรวมของไทยด้วยส่วนแบ่งมากกว่า 9%
ส่วนข้อมูลของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยระบุว่า ตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของไทยมียอดขายประมาณ 407,000 คันในปี 2566
ทั้งนี้ เคาน์เตอร์พอยต์เสริมว่า ยอดขายในไทยคิดเป็นสัดส่วนถึงหนึ่งในห้าจากยอดขายในต่างประเทศทั้งหมดของบีวายดีในไตรมาสที่ 3/2566 นอกจากนี้ บีวายดียังลงทุน 490 ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างโรงงานที่สามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้ 150,000 คันต่อปีอีกด้วย