สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างนักวิจัย 2 รายว่า โพสต์หนึ่งในฟอรั่มแฮกเกอร์ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มอาชญากรไซเบอร์ อ้างว่ายูไนเต็ดเฮลท์ กรุ๊ป (UnitedHealth Group) ได้จ่ายค่าไถ่ 22 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อกู้คืนการเข้าถึงข้อมูลและระบบที่ถูกโจมตีโดยแก๊งแรนซัมแวร์ชื่อแบล็กแคต (Blackcat)
ขณะนี้ทั้งยูไนเต็ดเฮลท์และกลุ่มแฮกเกอร์ที่เกี่ยวข้องยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆ เกี่ยวกับการจ่ายค่าไถ่ดังกล่าว แต่บริษัทติดตามสกุลเงินดิจิทัลได้ยืนยันคำกล่าวอ้างบางส่วนเมื่อวันจันทร์ (4 มี.ค.)
รายงานระบุว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกที่บริษัทขนาดใหญ่ที่ตกเป็นเหยื่อของแก๊งแรนซัมแวร์จะตัดสินใจจ่ายค่าไถ่ให้กลุ่มแฮกเกอร์เพื่อกลับมาควบคุมเครือข่ายของตนอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ส่งผลกระทบครั้งใหญ่ต่อลูกค้าและพันธมิตร
ทั้งนี้ โพสต์หนึ่งในฟอรั่มซึ่งลงวันที่ 3 มี.ค. ระบุว่า พาร์ทเนอร์ของแบล็กแคตได้อ้างความรับผิดชอบต่อการโจมตียูไนเต็ดเฮลท์ พร้อมเผยข้อความที่ประกอบด้วยลิงก์ที่แสดงให้เห็นว่ามีคนเคลื่อนย้ายบิตคอยน์ประมาณ 350 เหรียญ ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 23 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากกระเป๋าเงินดิจิทัลหนึ่งไปยังอีกกระเป๋า
อย่างไรก็ดี เจ้าของกระเป๋าเงินดิจิทัลนั้นไม่ได้เปิดเผยตัวตนต่อสาธารณะ แต่ทีอาร์เอ็ม แลบส์ (TRM Labs) บริษัทวิเคราะห์บล็อกเชนกล่าวว่า ปลายทางของเงินทุนดังกล่าวเชื่อมโยงกับแบล็กแคต ซึ่งรู้จักกันในชื่อเอแอลพีเอชวี (ALPHV) โดยกล่าวเสริมว่า ที่อยู่ของการรับเงินนั้นใช้เพื่อรวบรวมเงินค่าไถ่จากผู้ที่ตกเป็นเหยื่อรายอื่นเช่นกัน
เมื่อถูกถามว่าได้จ่ายค่าไถ่แล้วหรือไม่ ยูไนเต็ดเฮลท์ระบุว่า "กำลังให้ความสนใจกับการสืบสวนและการฟื้นระบบ"
ด้านแบล็กแคตยังไม่ได้ตอบกลับคำขอความเห็นจากสำนักข่าวรอยเตอร์เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว สำนักข่าวรอยเตอร์เองนั้นไม่สามารถระบุได้ทันทีว่าจะเข้าถึงกลุ่มแฮกเกอร์ที่ถูกกล่าวหาหรือเข้าถึงโพสต์ในฟอรั่มอาชญากรรมทางไซเบอร์ได้อย่างไร แม้จะสามารถดูภาพถ่ายหน้าจอของนักวิจัย 2 ราย ซึ่งรวมถึง นายดมิทรี สมิลยาเน็ตส์ จากเรคคอร์ดเด็ด ฟิวเจอร์
การโจมตีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของเชนจ์ เฮลท์แคร์ (Change Healthcare) บริษัทในเครือยูไนเต็ดเฮลท์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งมอบยาทั่วสหรัฐ มีเป้าหมายเพื่อการหลอกลวงทางออนไลน์ โดยแบล็กแคตกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าได้ขโมยข้อมูลที่ละเอียดอ่อนนับล้านจากการโจมตีครั้งนี้ ทว่าได้ลบข้อความดังกล่าวไปอย่างรวดเร็วโดยไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติมใด ๆ
ขณะเดียวกัน ปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบครอบคลุมทั่วระบบการแพทย์ของสหรัฐ เนื่องจากบริการเรียกเก็บเงินของเชนจ์ เฮลท์แคร์ยังคงไม่สามารถใช้งานได้ ขณะที่ เมื่อวันจันทร์ (4 มี.ค.) สมาคมการแพทย์อเมริกันได้เรียกร้องให้คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จัดสรรเงินทุนฉุกเฉินให้แก่แพทย์ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุขัดข้องดังกล่าว