สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ตามเอกสารที่ยื่นต่อศาลล้มละลายเมื่อวันพุธ (6 มี.ค.) เอฟทีเอ็กซ์ (FTX) และบล็อกฟาย (BlockFi) บริษัทด้านคริปโทเคอร์เรนซีที่ประสบภาวะล้มละลายได้บรรลุข้อตกลงซึ่งกันและกัน โดย FTX ตกลงที่จะจ่ายเงินให้กับ BlockFi สูงถึง 874 ล้านดอลลาร์เพื่อยุติความขัดแย้งต่าง ๆ ที่เกิดจากการล้มละลายของบริษัททั้งสองแห่งนี้ในปี 2565 โดยข้อตกลงดังกล่าวจะต้องได้รับการอนุมัติจากผู้พิพากษาจอห์น ดอร์ซีย์ แห่งศาลล้มละลายของสหรัฐในวิลมิงตัน รัฐเดลาแวร์
รายงานระบุว่า เมื่อปี 2566 ทั้งสองบริษัทได้ยื่นฟ้องซึ่งกันและกัน เพื่อพยายามเรียกคืนเงินที่ปล่อยกู้ระหว่างกันก่อนที่ทั้งคู่จะประสบภาวะล้มละลายในเดือนพ.ย. 2565
ภายใต้ข้อตกลงล่าสุด FTX ยินยอมที่จะจ่ายเงินให้กับ BlockFi ก่อนเป็นจำนวน 250 ล้านดอลลาร์ และเงินส่วนที่เหลือนั้นจะขึ้นอยู่กับความพยายามของ FTX ที่จะชำระเงินคืนให้กับลูกค้าขณะเผชิญกับภาวะล้มละลาย
ทั้งสองบริษัทดังกล่าวมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกัน ก่อนที่เหตุการณ์ล้มละลายในปี 2565 จะเปิดเผยให้เห็นว่า FTX จัดการกับเงินทุนของลูกค้าผิดพลาด โดย BlockFi ได้ปล่อยสินเชื่อให้กับอลาเมดา รีเสิร์ช (Alameda Research) ซึ่งเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ในเครือของ FTX และได้ขอกู้จาก FTX ในช่วงที่ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีผันผวนในฤดูร้อนปี 2565
เอกสารที่ยื่นต่อศาลล้มละลายในรัฐเดลาแวร์และรัฐนิวเจอร์ซีย์ระบุว่า FTX สามารถจ่ายเงินให้แก่ BlockFi ได้ถึง 689 ล้านดอลลาร์สำหรับเงินกู้ของอลาเมดา แต่รับประกันการจ่ายเงินก้อนแรกได้เพียง 250 ล้านดอลลาร์เท่านั้น โดยส่วนที่เหลือขึ้นอยู่กับความสามารถของ FTX ในการชำระคืนลูกค้าของตนและเจ้าหนี้รายอื่นก่อน
นอกจากนี้ FTX ยังยินยอมที่จะจ่ายเงินให้ BlockFi เพิ่มอีก 185.3 ล้านดอลลาร์ เพื่อชดเชยจำนวนเงินที่ BlockFi ถืออยู่ในบัญชีซื้อขายของ FTX เมื่อ FTX ล้มละลายในปี 2565
เมื่อเดือนม.ค. ทนายความของ FTX ระบุว่า FTX คาดว่าจะชำระเงินคืนลูกค้าของตนเองเต็มจำนวน แต่ไม่รับประกันในเรื่องดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ BlockFi ได้ตกลงที่จะชำระคืนเงินให้กับ FTX สูงถึง 275 ล้านดอลลาร์สำหรับเงินกู้ยืมเมื่อปี 2565 แต่จะสามารถทำได้ก็ต่อเมื่อสามารถชำระคืนเต็มจำนวนให้กับลูกค้าของตนเองก่อน
BlockFi ระบุว่า ไม่มีแนวโน้มที่จะสามารถชำระเงินคืนเต็มจำนวนให้กับลูกค้าที่มีบัญชีที่มีดอกเบี้ย โดยก่อนหน้านี้บริษัทคาดการณ์ว่าลูกค้าอาจได้เงินคืนราว 39.4% - 100% ของมูลค่าในบัญชีของพวกเขา
ภายใต้เงื่อนไขของข้อตกลง BlockFi ตกลงที่จะถอนฟ้องคดีเกี่ยวกับหุ้นโรบินฮู้ด (Robinhood) จำนวนมากกว่า 56 ล้านหุ้น ซึ่งถูกใช้เป็นหลักประกันการปล่อยเงินกู้ของ BlockFi ให้กับอลาเมดา อย่างไรก็ดี หุ้นเหล่านั้นถูกกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐยึดในเวลาต่อมา เมื่อนายแซม แบงก์แมน-ฟรีด ผู้ก่อตั้ง FTX ถูกจับกุมตัว
ทั้งนี้ เมื่อเดือนพ.ย. 2566 นายแบงก์แมน-ฟรีดได้ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานยักยอกเงิน 8 พันล้านดอลลาร์จากลูกค้าของ FTX โดยเขาจะเข้ารับฟังการพิจารณาโทษในวันที่ 28 มี.ค.นี้ และคาดว่าเขาจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสิน