เซอร์ ทิม คลาร์ก ประธานของสายการบินเอมิเรตส์กล่าวในวันพุธ (27 มี.ค.) ว่า โบอิ้งจำเป็นต้องมีวิศวกรเป็นผู้นำ หากต้องการนำพาบริษัทให้สามารถฝ่าวิกฤตในขณะนี้
โบอิ้งเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (25 มี.ค.) ว่า นายเดฟ แคลฮูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารจะลาออกจากตำแหน่ง โดยจะมีผลในช่วงสิ้นปี 2567 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปรับเปลี่ยนฝ่ายบริหารในวงกว้าง
นับเป็นอีกครั้งที่โบอิ้งต้องเผชิญกับข้อถกเถียงเกี่ยวกับความผิดพลาดทางเทคนิคระหว่างการบินหลายต่อหลายครั้งเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งเริ่มต้นขึ้นจากเหตุแผงประตูของเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX 9 ของสายการบินอลาสก้าหลุดออกขณะบินอยู่กลางอากาศเมื่อวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา
นายคลาร์กกล่าวว่า "เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทจำเป็นต้องมีผู้นำทางวิศวกรรมที่แข็งแกร่งเป็นหัวหน้าควบคู่ไปกับโมเดลการกำกับดูแลที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและคุณภาพเป็นอันดับแรก ... ไม่น่าแปลกใจนักที่สหภาพช่างเครื่อง (Machinists Union) ต้องการมีตำแหน่งในคณะกรรมการบริหาร เพียงเพื่อต้องการให้มั่นใจว่าความเห็นจากพนักงานในระดับโรงงานจะเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการตัดสินใจ และบูรณาการเข้ากับกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงของโมเดลการกำกับดูแลโดยสมบูรณ์"
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า บรรดานักวิเคราะห์ด้านการบินและอดีตพนักงานของโบอิ้งได้ออกมาวิพากษ์การกีดกันวิศวกรไม่ให้เข้าดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของบริษัท
"การเปลี่ยนแปลงผู้นำในครั้งนี้จะแก้ไขปัญหาของโบอิ้งได้อีกครั้งหรือไม่นั้น เวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่น่าเสียดายที่เวลากำลังจะหมดลงแล้ว ผมขอแนะนำให้เริ่มคิดนอกกรอบอย่างจริงจังโดยเร็วที่สุด" นายคลาร์กกล่าว