ไมโครซอฟท์ (Microsoft) ร่วมมือกับลิงด์อิน (LinkedIn) เผยแพร่งานวิจัยที่มีชื่อว่า Work Trend Index ประจำปี 2567 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (8 พ.ค.) โดยระบุว่า ยอดการใช้งานปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในที่ทำงานพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากพนักงานมองหาวิธีการในการจัดการตารางงานที่วุ่นวาย แต่ยังคงกังวลว่า AI จะเข้ามาแย่งงาน
งานวิจัยดังกล่าวพิจารณาถึงผลกระทบของ AI ต่อตลาดแรงงาน โดยสำรวจความคิดเห็นของประชาชนกว่า 31,000 รายใน 31 ประเทศ รวมถึงสหรัฐ อังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส อินเดีย สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และบราซิล
ผลการวิจัยพบว่า แม้ว่าพนักงาน 75% กำลังใช้ AI ในที่ทำงาน แต่ผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่าครึ่งกลับไม่เต็มใจที่จะยอมรับว่าพวกเขากำลังใช้ AI สำหรับงานที่สำคัญ เนื่องจาก 53% ของผู้ที่ใช้ AI สำหรับงานที่สำคัญกังวลว่าอาจทำให้พวกเขาดูเหมือนสามารถถูกแทนที่ได้
นอกจากนี้ พนักงานเกือบครึ่งหนึ่งกังวลว่า AI จะเข้ามาแทนที่งานของตน และกำลังพิจารณาที่จะลาออกจากตำแหน่งงานปัจจุบันในปีหน้า
นางโคแล็ต สตอลบาวเมอร์ ผู้จัดการทั่วไปของไมโครซอฟท์ โคไพลอต (Microsoft Copilot) และผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์ เวิร์คแลบ (Microsoft WorkLab) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า พนักงานจำเป็นต้องเอาชนะความกลัวและเริ่มยอมรับ AI
"ยิ่งคุณในฐานะพนักงานมีส่วนร่วมและเรียนรู้ได้มากเท่าไร คุณก็จะยิ่งเก่งขึ้นมากขึ้นเท่านั้น" นางโคแล็ตระบุ
ทั้งนี้ นางโคแล็ตกล่าวเสริมว่า "ดิฉันคิดว่านั่นคือจุดที่ผู้คนต้องก้าวข้ามความกลัว และก้าวไปสู่การมองโลกในแง่ดี เข้าสู่แนวคิดที่ว่าทุกคนสามารถพัฒนาได้ คว้าโอกาสในการเรียนรู้ทักษะเหล่านี้ เพราะข้อมูลทั้งหมดล้วนแสดงให้เห็นว่ามันช่วยทำให้พวกเขาเป็นที่ต้องการในตลาดมากขึ้น ไม่ว่าวันนี้คุณจะอยู่ในบริษัท หรือกำลังพิจารณาย้ายงานก็ตาม"