ผู้โดยสารและลูกเรือกว่า 140 รายของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์เที่ยวบิน SQ321 ได้เดินทางถึงประเทศสิงคโปร์แล้วในช่วงเช้าวันนี้ (22 พ.ค.) หลังจากเครื่องบินลำดังกล่าวประสบอุบัติเหตุตกหลุมอากาศและลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินสุวรรณภูมิของไทยเมื่อวานนี้ โดยอุบัติเหตุครั้งนี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 รายและบาดเจ็บอย่างน้อย 30 ราย
เครื่องบินโบอิ้งรุ่น 777-300ER ของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ซึ่งมีผู้โดยสารจำนวน 211 ราย และลูกเรือ 18 ราย ได้เดินทางออกจากสนามบินฮีทโธรว์ กรุงลอนดอน โดยมีปลายทางที่สิงคโปร์ แต่ได้เผชิญกับสภาพอากาศแปรปรวนอย่างรุนแรงและตกหลุมอากาศระหว่างเส้นทาง ทำให้เครื่องบินต้องเปลี่ยนเส้นทางลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวานนี้ (21 พ.ค.) เวลา 15.45 น. ตามเวลาไทย
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ได้นำผู้โดยสาร 131 รายและลูกเรือ 12 รายออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ และเดินทางถึงสิงคโปร์เมื่อเวลาประมาณ 04.00 น.ตามเวลาไทยในวันนี้ ส่วนผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวของผู้บาดเจ็บเหล่านี้ ยังคงอยู่ในกรุงเทพฯ
สำหรับผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวคือนายเจฟฟรีย์ ราล์ฟ คิทเชน ชาวอังกฤษวัย 73 ปี และมีประวัติป่วยด้วยโรคหัวใจ
ข้อมูลจาก FlightRadar24 แสดงให้เห็นว่า เที่ยวบิน #SQ321 ได้เผชิญสภาพอากาศแปรปรวนเมื่อเวลา 15.06 น.ตามเวลาไทยเมื่อวานนี้ ขณะที่บินอยู่เหนือทะเลอันดามันใกล้ชายฝั่งไทย ทำให้เครื่องบินลดเพดานบินจากระดับ 37,000 ฟุต สู่ระดับ 31,000 ฟุต หรือดิ่งลงถึง 6,000 ฟุต ภายในเวลาเพียง 4 นาที
นายธาร์มัน ชันมูการัตนัม ประธานาธิบดีสิงคโปร์ ได้แสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์เครื่องบินโบอิ้ง 777-300ER ของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ตกหลุมอากาศ ก่อนลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวานนี้
ขณะที่บริษัทโบอิ้งออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว และยืนยันว่าทางบริษัทพร้อมให้ความร่วมมือในการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ก่อนหน้านี้ สิงคโปร์แอร์ไลน์เคยประสบอุบัติเหตุตกเมื่อวันที่ 31 ต.ค.2543 ที่สนามบินเถาหยวนของไต้หวัน ขณะกำลังบินขึ้นจากรันเวย์ ส่งผลให้ผู้โดยสารเสียชีวิต 83 ราย จากทั้งหมด 179 ราย