สวิสเอด (Swissaid) องค์กรที่มุ่งเน้นการให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาและการสนับสนุนได้เผยแพร่รายงานฉบับหนึ่งในวันนี้ (30 พ.ค.) ซึ่งระบุว่า การลักลอบขนทองคำออกจากแอฟริกา โดยส่วนใหญ่ไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ได้พุ่งขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยมีการลักลอบขนทองคำหลายร้อยตันซึ่งมีมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ออกจากทวีปแอฟริกาในแต่ละปี
รายงานระบุว่า ในปี 2565 มีการลักลอบขนทองคำจากทวีปแอฟริกามากถึง 435 ตัน ซึ่งส่วนใหญ่ขุดโดยคนงานเหมืองขนาดเล็กและมีมูลค่ามากกว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์
สวิสเอดระบุว่า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นจุดหมายปลายทางหลักสำหรับทองคำที่ลักลอบนำเข้าจากแอฟริกา และนำเข้าทองคำมากถึง 405 ตันในปี 2565 และในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์นำเข้าทองคำเถื่อนมากกว่า 2,500 ตัน ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 1.15 แสนล้านดอลลาร์
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับรายงานดังกล่าว เจ้าหน้าที่จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กล่าวว่า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ดำเนินมาตรการที่สำคัญเพื่อแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการลักลอบขนทองคำ รวมถึงบังคับใช้กฎระเบียบใหม่เกี่ยวกับทองคำและโลหะมีค่าอื่น ๆ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ปริมาณการลักลอบดังกล่าวแสดงให้เห็นว่ามีผู้คนนับล้านเข้ามาเกี่ยวข้องกับการทำเหมืองแบบดั้งเดิมและการทำเหมืองขนาดเล็ก และผลิตทองคำในปริมาณที่เทียบเท่าหรือมากกว่าการทำเหมืองเชิงอุตสาหกรรม
ในปี 2562 จากการสืบสวนของสำนักข่าวรอยเตอร์พบว่า ในแต่ละปี ทองคำมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ถูกลักลอบขนออกจากทวีปแอฟริกา โดยผ่านสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นประตูทางผ่านของทองคำไปสู่ตลาดในยุโรป สหรัฐ และประเทศอื่น ๆ
นอกเหนือจากการสูญเสียรายได้ด้านภาษีแล้ว ผู้เชี่ยวชาญและรัฐบาลยังเตือนว่า การลักลอบขนทองคำขนาดใหญ่นี้บ่งบอกถึงการมีอยู่ของเศรษฐกิจใต้ดินที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเสี่ยงต่อการฟอกเงิน การสนับสนุนทางการเงินแก่กลุ่มก่อการร้าย และการหลบเลี่ยงการคว่ำบาตร