รัฐบาลออสเตรเลียตั้งเป้าเป็นประเทศแรกของโลกที่แบนบุหรี่ไฟฟ้า โดยเตรียมออกร่างกฎหมายที่กำหนดให้ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์เท่านั้น อย่างไรก็ดี หลังจากพรรคกรีนออกมาคัดค้าน รัฐบาลฝ่ายซ้ายกลางที่นำโดยพรรคแรงงานจำต้องยอมตกลงแก้ไขร่างกฎหมายดังกล่าวในวันนี้ (24 มิ.ย.) โดยปรับลดความเข้มงวดลง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า พรรคแรงงานและพรรคกรีนได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันแล้ว โดยจะมีผลให้กฎหมายฉบับใหม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาภายในสัปดาห์นี้ และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ค.นี้
กฎหมายฉบับนี้จะจำกัดการขายบุหรี่ไฟฟ้าให้อยู่เฉพาะในร้านขายยาเท่านั้น และห้ามวางขายตามร้านค้าปลีกทั่วไป ซึ่งที่ผ่านมา การวางขายบุหรี่ไฟฟ้าในร้านค้าปลีกเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การสูบบุหรี่ไฟฟ้าในหมู่เยาวชนเพิ่มสูงขึ้น
ข้อตกลงประนีประนอมนี้ ซึ่งรายงานครั้งแรกโดยหนังสือพิมพ์ซิดนีย์ มอร์นิง เฮรัลด์ ระบุว่า ตั้งแต่เดือนต.ค.นี้เป็นต้นไป ร้านขายยาจะต้องเก็บบุหรี่ไฟฟ้าไว้ "หลังเคาน์เตอร์" และลูกค้าจะต้องปรึกษาเภสัชกรก่อนตัดสินใจซื้อ นอกจากนี้ ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี จะต้องมีใบสั่งยาจึงจะสามารถซื้อบุหรี่ไฟฟ้าได้
นายมาร์ค บัตเลอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในแถลงการณ์ว่า รัฐบาล "ยินดีที่ได้มีส่วนร่วมในการหารืออย่างสร้างสรรค์กับสมาชิกรัฐสภาจากพรรคต่าง ๆ และรู้สึกยินดีที่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคกรีนสำหรับกฎหมายควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าชั้นนำระดับโลกของเรา"
ทั้งนี้ พรรคแรงงานไม่ได้ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเจรจากับพรรคอื่น ๆ และสว.อิสระ เพื่อให้กฎหมายผ่านความเห็นชอบ
ด้านพรรคกรีนออกแถลงการณ์ว่า ไม่เห็นด้วยกับการสั่งแบนบุหรี่ไฟฟ้าแบบเหมารวม และต้องการขจัดอุปสรรคทางการเงินสำหรับผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ โดยอ้างถึงค่าใช้จ่ายในการไปพบแพทย์เพื่อขอใบสั่งยา
อนึ่ง ข้อมูลจากปีที่แล้วเผยให้เห็นว่า ประชากรอายุ 18-24 ปี ประมาณ 22% เคยใช้บุหรี่ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์สูบบุหรี่ไฟฟ้าอย่างน้อยหนึ่งครั้ง
ทั้งนี้ ออสเตรเลียเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องกฎหมายต่อต้านการสูบบุหรี่ที่เข้มงวดที่สุดแห่งหนึ่งในโลก โดยเพิ่งประกาศห้ามนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าเกือบทั้งหมดเมื่อช่วงต้นปีนี้ และจำกัดรสชาติของบุหรี่ไฟฟ้าที่มีจำหน่าย