นายแพทย์ วิเวก เมอร์ตี ผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานสาธารณสุขสหรัฐอเมริกา ประกาศเมื่อวันอังคาร (25 มิ.ย.) ว่า ความรุนแรงจากอาวุธปืนถือเป็นวิกฤตสาธารณสุขของอเมริกา พร้อมกับแนะนำมาตรการป้องกันต่าง ๆ ที่เปรียบได้กับการรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่และการรณรงค์รักษาความปลอดภัยการจราจรในอดีต
"ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา บุคลากรทางการแพทย์ต่างเรียกร้องให้มองการเสียชีวิตจากอาวุธปืนผ่านมุมมองด้านสุขภาพมากกว่ามุมมองทางการเมือง" เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ ระบุในรายงาน
นพ.เมอร์ตีเรียกร้องให้มีการเพิ่มงบประมาณสำหรับการวิจัยเพื่อป้องกันความรุนแรงจากอาวุธปืน ตลอดจนแนะนำให้บุคลากรทางการแพทย์พูดคุยกับคนไข้เรื่องการจัดเก็บอาวุธปืนในระหว่างการพบแพทย์ตามปกติ รวมถึงแนะนำให้มีการบังคับใช้กฎหมายการเก็บอาวุธปืนอย่างปลอดภัย การตรวจสอบประวัติอย่างครอบคลุม การยึดอาวุธปืนจากผู้ที่อาจเป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น การแบนอาวุธจู่โจม และมาตรการอื่น ๆ
"ผมเชื่อมานานแล้วว่านี่เป็นปัญหาสาธารณสุข" นพ.เมอร์ตีระบุในรายงาน "ปัญหานี้ถูกทำให้เป็นเรื่องการเมือง และทำให้มีการแบ่งขั้วอยู่ตลอดเวลา แต่ผมคิดว่าเมื่อเราเข้าใจแล้วว่านี่เป็นปัญหาสาธารณสุข เราก็มีโอกาสดึงปัญหานี้ออกมาจากการเมือง และนำมาสู่แวดวงสาธารณสุขแทน"
นพ.เมอร์ตีระบุว่า "ในปี 2565 มีผู้เสียชีวิตรวม 48,204 รายจากการบาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน ซึ่งรวมถึงการฆ่าตัวตาย การฆาตกรรม และการเสียชีวิตโดยไม่เจตนา ... ซึ่งตัวเลขผู้เสียชีวิตดังกล่าวมากกว่าปี 2562 ถึง 8,000 ราย และมากกว่าปี 2553 ถึง 16,000 ราย"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่ามีปืน 400 ล้านกระบอกหมุนเวียนอยู่ในมือของประชาชน จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่รัฐบาลจะสามารถจำกัดการเข้าถึงปืน ทั้งนี้ ในปี 2563 การบาดเจ็บจากอาวุธปืนแซงหน้าอุบัติเหตุทางรถยนต์ในฐานะสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของเด็กและวัยรุ่นในอเมริกา