สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของจีน (CMA) ประกาศเตือนในวันนี้ (4 ก.ค.) ว่า จีนกำลังเผชิญกับคลื่นความร้อนที่ร้อนขึ้นและยาวนานขึ้น รวมถึงฝนตกหนักที่เกิดบ่อยขึ้นและคาดเดาได้ยากขึ้น อันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ในรายงาน "Blue Book" ประจำปีว่าด้วยสภาพภูมิอากาศ CMA เตือนว่า อุณหภูมิสูงสุดทั่วประเทศอาจเพิ่มขึ้น 1.7-2.8 องศาเซลเซียส ภายใน 30 ปี โดยพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดคือทางตะวันออกของจีนและเขตปกครองตนเองซินเจียงทางตะวันตกเฉียงเหนือ
รายงาน Blue Book ระบุว่า เมื่อปีที่แล้ว อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วประเทศจีนสูงเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้ธารน้ำแข็งละลายในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน รวมถึงชั้นดินเยือกแข็งคงตัวในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีนก็ละลายมากขึ้นเช่นกัน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า จีนมองว่าตนเองเป็นหนึ่งในประเทศที่เปราะบางที่สุดในโลกต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และกำลังเผชิญแรงกดดันให้ต้องปรับตัวตามรูปแบบสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นเร็วกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก
"จีนเป็นภูมิภาคที่อ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก เป็นภูมิภาคที่จะได้รับผลกระทบอย่างมาก" หยวน เจียชวง รองผู้อำนวยการศูนย์ภูมิอากาศแห่งชาติของ CMA แถลง พร้อมกับเตือนว่าหากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังคงอยู่ในระดับสูง ภาวะความร้อนสุดขั้วที่คาดว่าจะเกิดขึ้นทุก ๆ 50 ปีในจีน อาจเกิดขึ้นปีเว้นปีภายในสิ้นคริสต์ศตวรรษนี้ และปริมาณน้ำฝนอาจเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าและคาดการณ์ได้ยากขึ้น
CMA ระบุในวันนี้ว่า ในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้าคาดว่าอุณหภูมิในพื้นที่ส่วนใหญ่ทั่วประเทศจีนจะค่อนข้างสูง นับเป็นสัญญาณของฤดูร้อนที่ร้อนจัดติดต่อกันเป็นปีที่ 2
ทั้งนี้ ภาคใต้ของจีนกำลังเผชิญกับฝนตกหนักและน้ำท่วม ขณะที่หลายพื้นที่ทางตอนเหนือและตอนกลางของประเทศมีอุณหภูมิสูงทำลายสถิติ ซึ่งส่งผลกระทบต่อพืชผลทางการเกษตรและสร้างแรงกดดันต่อโครงข่ายไฟฟ้า
ขณะเดียวกัน ข้อมูลอย่างเป็นทางการระบุว่า อุณหภูมิเฉลี่ยตั้งแต่เดือนมี.ค.-พ.ค.ที่ผ่านมา สูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกในปี 2504
CMA ยังคาดการณ์ด้วยว่าจะมีพายุไต้ฝุ่น 2 ลูกพัดขึ้นฝั่งจีนแผ่นดินใหญ่ในเดือนก.ค.นี้ โดยคาดว่าพายุไต้ฝุ่นจะเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกหรือตะวันตกเฉียงเหนือ