องค์การบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) ประกาศเมื่อวานนี้ (8 ก.ค.) ว่า จำเป็นต้องตรวจสอบเครื่องบินโบอิ้ง 737 จำนวน 2,600 ลำ เนื่องจากหน้ากากออกซิเจนสำหรับผู้โดยสารอาจใช้งานไม่ได้ในระหว่างที่เกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น
FAA ระบุว่า จำเป็นต้องตรวจสอบเครื่องบินรุ่น 737 MAX และเครื่องบินรุ่น Next Generation หลังจากมีรายงานหลายฉบับเกี่ยวกับเครื่องผลิตออกซิเจนสำหรับผู้โดยสารหลุดออกจากตำแหน่ง ซึ่งเป็นปัญหาที่อาจส่งผลให้ไม่สามารถจัดหาออกซิเจนให้กับผู้โดยสารได้ในระหว่างที่แรงดันอากาศลดลง
โบอิ้งระบุเมื่อวานนี้ว่า ได้แนะนำให้สายการบินต่าง ๆ ปรับสายรัดของเครื่องผลิตออกซิเจนบนเครื่องบินรุ่น 737 หลังจากที่มีการใช้กาวชนิดใหม่กับสายรัดตั้งแต่เดือนส.ค. 2562 ส่งผลให้บางกรณีเครื่องผลิตออกซิเจนอาจขยับออกจากตำแหน่งไปประมาณ 0.75 นิ้ว
FAA ระบุว่า คำสั่งด้านความปลอดภัยนี้มีผลบังคับใช้ในทันที โดยต้องทำการตรวจสอบเครื่องบินรุ่น 737 และดำเนินการแก้ไขหากจำเป็นภายใน 120 ถึง 150 วัน และทาง FAA ยังได้สั่งห้ามสายการบินต่าง ๆ ติดตั้งชิ้นส่วนที่อาจชำรุด
ทั้งนี้ สายการบินต่าง ๆ จำเป็นต้องทำการตรวจสอบด้วยสายตา และหากจำเป็นก็ให้ทำการเปลี่ยนเครื่องผลิตออกซิเจนใหม่หรือเครื่องที่ใช้งานได้, ติดแผ่นรองระบายความร้อนที่สายรัด รวมถึงทำการติดตั้งเครื่องผลิตออกซิเจนใหม่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง