ชาวสิงคโปร์ส่วนใหญ่กล่าวว่า การมีสมาร์ตโฟน การสามารถออกไปรับประทานอาหารนอกบ้านเป็นประจำ และการเปิดเครื่องปรับอากาศล้วนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตในสิงคโปร์ซึ่งเป็นเมืองร้อนที่มีความชื้นสูงและมีค่าใช้จ่ายแพง
จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยการจัดการของสิงคโปร์และสถาบันนโยบายศึกษาระบุว่า การเชื่อมต่อกับระบบดิจิทัลก็ถูกจัดอยู่ในกลุ่มสิ่งที่จำเป็นด้วย ขณะที่การท่องเที่ยว การรับประทานอาหารนอกบ้าน และการอยู่ในที่เย็นสบายต่างก็ได้รับการจัดอันดับในระดับสูงเช่นกัน
จากผลการสำรวจของมหาวิทยาลัยดังกล่าวที่มีผู้เข้าร่วม 4,000 คนพบว่า 64% กล่าวว่า เครื่องปรับอากาศเป็นสิ่งจำเป็น, 62% ต้องการไปร้านอาหารอย่างน้อยเดือนละครั้ง และกว่าครึ่งต้องการเดินทางไปยังประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทุกปี
ส่วนผู้ตอบแบบสำรวจมากกว่า 9 ใน 10 คนระบุว่า สมาร์ตโฟนเป็นสิ่งจำเป็น
นอกจากนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามถึง 96% ระบุว่า การเป็นเจ้าของบ้านของตนเองเป็นสิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐาน ขณะที่สิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเป็นเจ้าของบ้านสูงที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ผลสำรวจนี้มีขึ้นในขณะที่นายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของสิงคโปร์จำเป็นต้องแก้ไขปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้น ประชากรที่กำลังแก่ตัวอย่างรวดเร็ว และอัตราเงินเฟ้อที่ระดับสูงเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งที่จะมาถึง โดยในปี 2563 ผลการเลือกตั้งของพรรคกิจประชาชนซึ่งเป็นพรรครัฐบาลนั้นถือว่าย่ำแย่ที่สุดในแง่ของจำนวนที่นั่งในรัฐสภาที่ชนะการเลือกตั้งนับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศ แม้ยังคงครองเสียงข้างมากได้ก็ตาม