ชุมชนท้องถิ่นตามแนวชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของญี่ปุ่นยกระดับการเตรียมการในวันนี้ (9 ส.ค.) เพื่อรับมือกับโอกาสที่จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ หลังมีประกาศคำแนะนำจากทางการหลังจากที่เพิ่งเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงเมื่อวานนี้
บรรดาเจ้าหน้าที่ของเมืองนิชินันในจังหวัดมิยาซากิ ซึ่งอยู่ใกล้กับจุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวขนาด 7.1 แมกนิจูดทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ (8 ส.ค.) ต่างกำลังยุ่งกับการตรวจสอบสภาพของศูนย์อพยพต่าง ๆ และซ่อมแซมท่อประปาที่ได้รับความเสียหาย ขณะที่เทศบาลทั้ง 10 แห่งในจังหวัดโคจิทางตะวันตกของญี่ปุ่น มีศูนย์อพยพเปิดอย่างน้อย 75 แห่งในช่วงเช้าวันนี้
ด้านเมืองคุโระชิโอะในจังหวัดโคจิได้ขอความร่วมมือผู้สูงอายุและคนอื่น ๆ ให้อพยพไปยังพื้นที่ที่ปลอดภัยกว่า ในขณะที่เมืองอาจได้รับผลกระทบจากคลื่นสึนามิความสูง 34 เมตร หากแผ่นดินไหวขนาดใหญ่เกิดขึ้น
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า เจ้าหน้าที่จากจังหวัดวากายามะทางตะวันตกของญี่ปุ่น ได้ยืนยันเส้นทางอพยพโดยร่วมมือกับเทศบาลในพื้นที่ ขณะที่รัฐบาลท้องถิ่นของจังหวัดชิซูโอกะในภาคกลางของญี่ปุ่น ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมตลอด 24 ชั่วโมงเป็นเวลาประมาณ 1 สัปดาห์
สำหรับภาคเอกชน บริษัทบางแห่งได้เริ่มเตรียมการสำหรับภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นแล้ว หลังจากที่หน่วยงานด้านสภาพอากาศประกาศให้ประชาชนรับมือกับแผ่นดินไหวขนาดใหญ่และคลื่นสึนามิในสัปดาห์หน้า
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังกรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นออกประกาศเตือนว่า ความเสี่ยงได้เพิ่มขึ้นมากกว่าปกติสำหรับการเกิดแผ่นดินไหวขนาดยักษ์ในแอ่งนันไค (Nankai Trough) ซึ่งทอดตัวตามแนวชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก
ประกาศดังกล่าวมีขึ้นหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.1 แมกนิจูดทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ ขณะที่ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่น่านน้ำนอกชายฝั่งจังหวัดมิยาซากิ ซึ่งอยู่บริเวณชายขอบด้านตะวันตกของ Nankai Trough
กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นระบุว่า ในฉากทัศน์ที่เลวร้ายที่สุด การเกิดแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงจะเขย่าพื้นที่เป็นบริเวณกว้างในญี่ปุ่น นับตั้งแต่ภูมิภาคคันโตะ ซึ่งมีใจกลางอยู่ที่กรุงโตเกียว ไปจนถึงภูมิภาคคิวชูทางตะวันตกเฉียงใต้ และจะเกิดคลื่นยักษ์สึนามิถล่มชายฝั่งของคันโตะไปจนถึงจังหวัดโอกินาวะ
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลญี่ปุ่นเคยคาดการณ์ว่า มีโอกาส 70-80% ที่จะเกิดแผ่นดินไหวขนาด 8-9 แมกนิจูดที่ Nankai Trough ภายในเวลา 30 ปีข้างหน้า ซึ่งอาจทำให้มีผู้เสียชีวิตสูงถึง 323,000 ราย