นางซานียา นิชตาร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกาวี (Gavi) ซึ่งเป็นองค์กรพันธมิตรเพื่อวัคซีนระดับโลก เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า กาวีมีเงินทุนมากถึง 500 ล้านดอลลาร์เพื่อจัดหาวัคซีนให้กับประเทศต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดเพิ่มขึ้นของโรคฝีดาษลิง (mpox virus) ในแอฟริกา
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กาวีเป็นองค์กรที่ช่วยเหลือประเทศยากจนในการซื้อและใช้วัคซีน โดยปกติแล้วจะเป็นวัคซีนสำหรับโรคในวัยเด็ก เช่น โรคหัด แต่ในช่วงที่เกิดการระบาดของโควิด-19 กาวีได้ขยายขอบเขตการช่วยเหลือไปสู่โรคอื่น ๆ ด้วย
เงินก้อนดังกล่าวอยู่ในกองทุน "First Response" ของกาวี โดยจัดตั้งขึ้นหลังจากที่หน่วยงานด้านสาธารณสุขระดับโลกอย่างกาวีถูกกลุ่มประเทศที่มีรายได้สูงแย่งจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 ในการระบาดช่วงแรกไปเป็นส่วนใหญ่ เงินทุนก้อนนี้สามารถใช้เพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขได้
อนึ่ง องค์การอนามัยโลก (WHO) และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งแอฟริกา (Africa CDC) ต่างก็ประกาศให้การระบาดของโรคฝีดาษลิงในแอฟริกา เป็นภาวะฉุกเฉินสาธารณสุขในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ เงินทุนดังกล่าวของกาวีส่วนใหญ่เหลือมาจากที่รัฐบาลต่าง ๆ และหน่วยงานระดมทุนด้านสาธารณสุขโลกบริจาคมาให้เพื่อใช้รับมือกับโควิด-19
นางนิชตาร์กล่าวว่า "เงินสำหรับวัคซีนพร้อมจัดสรรแล้ว" อย่างไรก็ตาม ยังคงมีอุปสรรคบางประการที่ต้องจัดการ ซึ่งรวมถึง คำร้องขอวัคซีนอย่างเป็นทางการจากประเทศที่ได้รับผลกระทบ ตลอดจนการรับรองวัคซีนจาก WHO ซึ่งประกาศให้โรคฝีดาษลิงเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ (PHEIC) เมื่อวันพุธ (14 ส.ค.)
ทั้งนี้ กาวีและยูนิเซฟ (UNICEF) ทำงานร่วมกันในการจัดซื้อวัคซีน แต่ทั้งสองหน่วยงานนี้ไม่สามารถดำเนินการจัดซื้อได้หากปราศจากการรับรองจาก WHO โดยเมื่อวันพุธ WHO กล่าวว่า ทางหน่วยงานหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถเสร็จสิ้นการประเมินวัคซีนขั้นสุดท้ายภายในเดือนก.ย.
นอกจากนี้ นางนิชตาร์ยังกล่าวอีกว่า กาวีกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเบื้องต้นกับ 2 ผู้ผลิตวัคซีนฝีดาษลิง 2 ชนิดที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ได้แก่ บริษัทบาวาเรียน นอร์ดิก (Bavarian Nordic) บริษัทเภสัชภัณฑ์สัญชาติเดนมาร์ก และบริษัทเคเอ็ม ไบโอโลจิกส์ (KM Biologics) โดยบาวาเรียน นอร์ดิก กล่าวว่าสามารถผลิตวัคซีนได้ 10 ล้านโดสภายในสิ้นปี 2568