โรงพยาบาลในเมืองเซาเปาโล ประเทศบราซิล เปิดเผยในวันจันทร์ (26 ส.ค.) ว่า ผู้โดยสารคนหนึ่งซึ่งตรวจพบที่สนามบินนานาชาติของบราซิลว่ามีอาการเข้าข่ายโรคฝีดาษลิง แท้จริงแล้วอาจเป็นโรคอีสุกอีใส ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธาณสุขยังคงเฝ้าระวังโรคฝีดาษลิงสายพันธุ์ใหม่ที่สร้างความวิตกกังวลให้กับทั่วโลก
โรงพยาบาลเอมิลิโอ ริบาส (Emilio Ribas) ระบุว่า ผู้โดยสารขาเข้ารายดังกล่าวน่าจะเป็นโรคอีสุกอีใส และการทดสอบในห้องปฏิบัติการจะยืนยันอาการของผู้ป่วยได้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ก่อนหน้านี้ อันวีซา (Anvisa) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลด้านสุขภาพและสุขอนามัยของบราซิล เปิดเผยว่า พบผู้โดยสารรายหนึ่งซึ่งถูกกักตัวอยู่ในพื้นที่พิเศษสำหรับผู้ขอสถานะลี้ภัย ณ สนามบินเซาเปาโล มี "อาการและสัญญาณของโรคฝีดาษลิง"
องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้โรคฝีดาษลิงเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศในเดือนนี้ ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 2 ปี เนื่องจากมีการค้นพบสายพันธุ์ใหม่ที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในแอฟริกา
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขของบราซิลว่า มีรายงานผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันหรือคาดว่าจะเป็นโรคฝีดาษลิงมากกว่า 700 รายในปีนี้ แต่ไม่มีรายใดติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ โดยทั้งอันวีซาและโรงพยาบาลต่างไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดว่า ผู้ป่วยต้องสงสัยรายดังกล่าวเข้าข่ายติดเชื้อจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่หรือไม่
แม้ไม่มีการเปิดเผยว่าผู้โดยสารรายนี้เดินทางมาจากที่ใดหรือมีบ้านเกิดอยู่ที่ประเทศใด แต่โรงพยาบาลระบุในแถลงการณ์ว่า ผู้โดยสารไม่ได้มาจากพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคฝีดาษลิง
ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บราซิลประกาศว่าจะคุมเข้มกฎระเบียบในการเดินทางเข้าประเทศเพื่อลดจำนวนชาวต่างชาติที่แห่ใช้บราซิลเป็นจุดแวะพักเพื่อเดินทางไปยังสหรัฐฯ และแคนาดา