ยอดขายรถยนต์ในยุโรปทรงตัวในเดือนก.ค. เนื่องจากความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในเยอรมนี ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค ชะลอตัวลงอีก
สมาคมผู้ผลิตยานยนต์ยุโรป (ACEA) เปิดเผยข้อมูลในวันนี้ (29 ส.ค.) ว่า ยอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่แตะที่ 1.03 ล้านคันในเดือนก.ค. เพิ่มขึ้นเพียง 0.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่ายอดขายรถ EV เพิ่มขึ้นในฝรั่งเศสและอังกฤษ แต่ไม่เพียงพอที่จะชดเชยยอดขาย EV ที่ร่วงลงถึง 37% ในเยอรมนี
ยอดขาย EV ในยุโรปลดลงต่อเนื่องมาหลายเดือน สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการที่รัฐบาลยุติมาตรการจูงใจสำหรับยานยนต์ EV โดยเยอรมนีได้ตัดสินใจลดเงินอุดหนุนรถ EV อย่างกะทันหันในช่วงกลางเดือนธ.ค. 2566 ประกอบกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่ซบเซาของเยอรมนียังส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคด้วย
นอกจากนี้ แนวโน้มของตลาด EV ในยุโรปมีความซับซ้อนมากขึ้น เนื่องจากความตึงเครียดทางการค้ากับจีน โดยสหภาพยุโรป (EU) กล่าวหาว่าจีนอุดหนุนอุตสาหกรรมรถ EV ของตนอย่างไม่เป็นธรรม และประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษีเพิ่มสำหรับรถ EV ที่นำเข้าจากจีน ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนพ.ย. นี้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รถ EV คิดเป็น 13.6% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดในยุโรปในเดือนก.ค. ซึ่งลดลงจาก 14.5% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ยอดขายรถยนต์เบนซีนลดลง 8.4% เช่นเดียวกับรถยนต์ดีเซลที่ลดลง 11% ในขณะที่ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฮบริดเพิ่มขึ้นถึง 24% ในเดือนนี้