คะแนนนิยมของนายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบาเนซี ของออสเตรเลีย ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เข้าดำรงตำแหน่งเมื่อปี 2565 หลังธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ส่งสัญญาณไม่หั่นอัตราดอกเบี้ยตามรอยชาติอื่น ๆ ซึ่งหมายความว่าชาวออสเตรเลียจะยังคงต้องทนแบกรับค่าครองชีพที่อยู่ในระดับสูงต่อไป
ผลสำรวจนิวส์โพล (Newspoll) ล่าสุดโดยหนังสือพิมพ์ดิออสเตรเลียน เผยให้เห็นว่า คะแนนความไม่พอใจต่อผลงานของนายกรัฐมนตรีอัลบาเนซีพุ่งขึ้น 3% สู่ระดับ 54% ซึ่งย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ที่รัฐบาลพรรคแรงงานของเขาชนะการเลือกตั้งเมื่อปี 2565 ขณะที่คะแนนนิยมในตัวเขาลดลง 2% มาอยู่ที่ 41%
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เมื่อพิจารณาความนิยมเทียบกันระหว่าง 2 พรรคแล้ว พรรคแรงงานมีคะแนนนิยมเสมอกับพรรคชาตินิยม-เสรีนิยม ซึ่งเป็นแนวร่วมฝ่ายค้าน อยู่ที่ 50-50 บ่งชี้ว่าหากตัวเลขเช่นนี้เกิดขึ้นในการเลือกตั้งก็มีแนวโน้มสูงที่พรรคใดพรรคหนึ่งต้องจัดตั้งรัฐบาลผสมด้วยการสนับสนุนจากพรรคเล็กพรรคน้อย
ทั้งนี้ ความนิยมของอัลบาเนซีที่ลดลงเกิดขึ้นในขณะที่เจ้าหน้าที่ RBA ระบุชัดว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายน่าจะคงอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 12 ปีที่ 4.35% ตลอดช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ สวนทางกับหลายชาติที่ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยท่ามกลางสถานการณ์เงินเฟ้อที่ลดลงอย่างรวดเร็วในต่างประเทศ โดยคาดว่าสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้
ภาวะเงินเฟ้อที่เรื้อรังในออสเตรเลีย รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง ทำให้ชาวออสเตรเลียจำนวนมากต้องเผชิญกับแรงกดดันเรื่องค่าครองชีพ และผลสำรวจแสดงให้เห็นว่า พวกเขาเริ่มเหลืออดกับการรอมาตรการช่วยเหลือจากรัฐบาลแล้ว
ผลสำรวจนิวส์โพลล่าสุดนี้เกิดขึ้นก่อนการเปิดเผยตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 2/2567 ในวันพุธ (4 ก.ย.) ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า เศรษฐกิจของออสเตรเลียจะขยายตัวเพียง 0.2% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 0.9% จากปีก่อน