กูเกิล (Google) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของอัลฟาเบท (Alphabet) จะถูกพิจารณาคดีต่อต้านการผูกขาดเป็นคดีที่ 2 ในสัปดาห์หน้า โดยกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ จะฟ้องร้องว่า วิธีการหารายได้จากการโฆษณาผ่านระบบของกูเกิลนั้น ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการหารายได้ของบริษัทเผยแพร่ข่าวสาร
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า คดีดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการควบคุมบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่โดยใช้กฎหมายต่อต้านการผูกขาด และการดำเนินคดีนี้เกิดขึ้นหลังจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้รับชัยชนะครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งผู้พิพากษาตัดสินว่า กูเกิลผูกขาดการค้นหาทางออนไลน์อย่างผิดกฎหมาย
ขณะที่คดีแรกนั้นมุ่งเน้นไปที่เครื่องมือค้นหาหรือเสิร์ชเอนจินของกูเกิลที่ใช้กันอย่างแพร่หลายนั้น การพิจารณาคดีที่ 2 ซึ่งเริ่มขึ้นในเมืองอเล็กซานเดรีย รัฐเวอร์จิเนีย เมื่อวันจันทร์ (2 ก.ย.) จะมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีของกูเกิลที่เชื่อมโยงระบบของผู้เผยแพร่ข่าวสารทางเว็บไซต์กับระบบของผู้ลงโฆษณา
เครื่องมือเหล่านั้นทำให้กูเกิลมีรายได้จากการโฆษณามากกว่า 75% จากรายได้ทั้งหมด 3.074 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่แล้ว
ไบรอัน วีเซอร์ ที่ปรึกษาด้านการโฆษณาและนักวิเคราะห์ด้านการเงินกล่าวว่า "กูเกิลเป็นผู้ขายโฆษณารายใหญ่ที่สุดในโลก โดยเกี่ยวข้องกับทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรม ถ้าไม่ใช่โดยตรง ก็โดยอ้อม ทุกคนล้วนมีความเกี่ยวข้องกับกูเกิลไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง"
กระทรวงยุติธรรมและรัฐต่าง ๆ ของสหรัฐฯ จะพยายามพิสูจน์ว่า กูเกิลละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของสหรัฐฯ ในธุรกิจโฆษณาดิจิทัล และหากรัฐและกระทรวงยุติธรรมชนะคดีนี้ พวกเขาก็อาจจะขอให้ผู้พิพากษา ลีโอนี บริงเคมา สั่งให้มีการแยกกิจการของกูเกิล
หน่วยงานกำกับดูแลด้านการต่อต้านการผูกขาดกล่าวหากูเกิลว่า กูเกิลผูกขาดตลาดเทคโนโลยีด้านการโฆษณาบนเว็บไซต์ โดยผูกเครื่องมือสำหรับผู้เผยแพร่ข่าวสารและสำหรับผู้ลงโฆษณาเข้าด้วยกัน ทำให้กูเกิลมีสถานะพิเศษในฐานะที่เป็นคนกลาง
ทั้งนี้ กูเกิลปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยระบุว่า กูเกิลไม่จำเป็นต้องแบ่งปันความได้เปรียบด้านเทคโนโลยีให้กับคู่แข่ง และระบุว่า ผลิตภัณฑ์ของกูเกิลสามารถใช้งานร่วมกับผลิตภัณฑ์ที่คู่แข่งนำเสนอได้
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กล่าวหาว่า กูเกิลควบคุมตลาดเซิร์ฟเวอร์โฆษณาถึง 91%, ควบคุมตลาดเครือข่ายโฆษณามากกว่า 85% และควบคุมตลาดซื้อขายพื้นที่โฆษณามากกว่า 50%
ด้านกูเกิลระบุว่า ส่วนแบ่งตลาดเหล่านั้นอยู่ที่ 30% หรือน้อยกว่านั้น เมื่อรวมการโฆษณาบนสื่อสังคมออนไลน์ ทีวีสตรีมมิง และแอปพลิเคชัน และเปิดเผยว่า การที่กระทรวงยุติธรรมโฟกัสเฉพาะการโฆษณาบนเว็บไซต์เพียงอย่างเดียวนั้น ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงการแข่งขันที่รุนแรงที่กูเกิลเผชิญในแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่กำลังขยายตัว
สำหรับคู่แข่งของกูเกิลในด้านของผู้ลงโฆษณา เช่น เทรด เดสก์ (Trade Desk) และคอมคาสต์ (Comcast) และคู่แข่งด้านผู้เผยแพร่ข่าวสาร เช่น PubMatic นั้นเป็นพยานที่อาจถูกเรียกมาให้การในคดีนี้
คดีนี้จะแสดงถึงผลกระทบของเทคโนโลยีโฆษณาที่มีต่อองค์กรข่าว โดยจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยนอร์ธเวสเทิร์นที่เผยแพร่เมื่อเดือนพ.ย.ที่ผ่านมาพบว่า หนังสือพิมพ์ในสหรัฐฯ ราว 1 ใน 3 ได้ถูกปิดหรือขายกิจการนับตั้งแต่ปี 2548
"วงการสื่อสารมวลชนกำลังเผชิญกับภัยคุกคามอย่างมาก อันเนื่องมาจากการผูกขาดตลาดโฆษณา" โจนาธาน คานเตอร์ หัวหน้าฝ่ายต่อต้านการผูกขาดของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กล่าวในงานที่จัดขึ้นเมื่อเดือนมิ.ย.โดย Open Markets Institute ซึ่งเป็นกลุ่มที่สนับสนุนการต่อต้านการผูกขาด
บรรดาผู้บริหารในปัจจุบันหรือในอดีตจากนิวส์ คอร์ป (News Corp), เดลี เมล (Daily Mail) และแกนเนต (Gannett) ซึ่งได้ฟ้องร้องกูเกิลด้วยนั้น อาจจะขึ้นให้การเป็นพยานในการพิจารณาคดีนี้