ชาวติมอร์ตะวันออกราว 6 แสนคน แห่ร่วมพิธีมิสซากับโป๊ปฟรานซิส

ข่าวต่างประเทศ Tuesday September 10, 2024 17:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ประชาชนชาวติมอร์ตะวันออก (ติมอร์-เลสเต) ราว 6 แสนคน หรือเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งประเทศ ได้มารวมตัวกันท่ามกลางอากาศร้อนระอุในวันนี้ (10 ก.ย.) เพื่อร่วมพิธีมิสซากับสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ณ สวนสาธารณะริมทะเล ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้อันยาวนานเพื่อเอกราชจากอินโดนีเซีย

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ผู้คนทยอยมาถึงตั้งแต่ตีหนึ่ง นั่งเบียดเสียดกันบนพื้นดินกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยฝุ่น ณ บริเวณที่เคยเป็นที่ฝังศพนักต่อสู้เพื่อเอกราชชาวติมอร์ซึ่งถูกกองกำลังอินโดนีเซียสังหาร หลายคนต้องทนแดดเป็นเวลาหลายชั่วโมงท่ามกลางอุณหภูมิที่พุ่งสูงถึง 32 องศาเซลเซียส

ผู้คนจำนวนมากกางร่มที่ตกแต่งด้วยสีขาวและเหลืองตามธงนครรัฐวาติกัน ขณะที่บางส่วนร้องเพลงพื้นบ้าน ถือป้ายขอพร และเปล่งเสียงโห่ร้องด้วยความปีติยินดีเมื่อโป๊ปฟรานซิสเสด็จมาถึง

ท่านสาธุคุณเปโดร อมาราล หนึ่งในบรรดาบาทหลวงนับร้อยที่มาร่วมประกอบพิธีมิสซา เล่าว่าท่านได้พาชาวบ้าน 800 คนเดินทางมาจากหมู่บ้านซูมาไล ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 140 กิโลเมตร

"ผมดีใจมากครับ ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นพระสันตะปาปาด้วยตาตัวเองแบบนี้" บาทหลวงกล่าว

คุณครูเจมี เบโล วัย 60 ปี เล่าว่า เขาออกจากบ้านล่วงหน้าถึง 12 ชั่วโมงก่อนพิธีมิสซาเริ่ม เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้มีที่ยืนดูโป๊ปอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ ติมอร์ตะวันออก อดีตอาณานิคมของโปรตุเกส เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ทางเหนือของออสเตรเลีย มีประชากรราว 1.3 ล้านคน และเป็นหนึ่งในสองประเทศในเอเชียที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก

ทางสำนักวาติกันประมาณการว่ามีผู้มาร่วมพิธีมิสซาในช่วงเช้าของวันอังคารราว 6 แสนคน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในการเข้าร่วมพิธีที่มีสัดส่วนสูงที่สุดเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรของประเทศ ในบรรดาพิธีมิสซาที่จัดขึ้นระหว่างการเสด็จเยือนของพระสันตะปาปา

ฝูงชนที่มาชุมนุมกันบริเวณชานเมืองดิลี เมืองหลวงของประเทศ ส่วนใหญ่ดูเหมือนจะเป็นคนหนุ่มสาว มีทั้งพ่อแม่อุ้มลูกอ่อนและเด็ก ๆ วิ่งเล่นอยู่รอบ ๆ ตัว

ตามข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ (UN) ติมอร์ตะวันออกสูญเสียพลเมืองไปอย่างน้อย 102,800 คนในช่วงความขัดแย้งกับอินโดนีเซียระหว่างปี 2518-2542 ปัจจุบัน ตัวเลขอย่างเป็นทางการระบุว่าประเทศนี้มีอายุมัธยฐานของประชากรอยู่ที่ 20 ปี

"ช่างน่าปลื้มใจยิ่งนักที่ติมอร์-เลสเตแห่งนี้มีเด็กน้อยมากมายเหลือเกิน!" โป๊ปฟรานซิสตรัสระหว่างเทศนาในพิธีมิสซา ขณะทอดพระเนตรไปยังฝูงชนเบื้องหน้า

"แท้จริงแล้ว ประเทศของพวกท่านยังเยาว์วัยนัก และเราเห็นได้ชัดว่าทุกตารางนิ้วของผืนแผ่นดินนี้เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา"

การแวะเยือนติมอร์ตะวันออกของโป๊ปครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการเสด็จเยือนใน 4 ประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย ซึ่งใช้เวลาถึง 12 วัน นับเป็นการเดินทางที่ยาวนานที่สุดของพระองค์

ติมอร์ตะวันออกมีแนวโน้มที่จะเป็นประเทศที่มีสัดส่วนชาวคาทอลิกมากที่สุดในโลก โดยทางนครรัฐวาติกันระบุว่าประชากรชาวติมอร์ราว 96% นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก

โป๊ปฟรานซิสทรงเป็นประมุขแห่งนครรัฐวาติกันพระองค์แรกที่เสด็จเยือนติมอร์ตะวันออกในรอบ 35 ปี นับจากการเสด็จเยือนของสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอล ที่ 2 ซึ่งการปรากฏพระองค์ในครั้งนั้นได้ช่วยหนุนเสริมขบวนการเรียกร้องเอกราชของประเทศอย่างเป็นประวัติการณ์

เช่นเดียวกับโป๊ปฟรานซิส สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอล ที่ 2 ก็ทรงประกอบพิธีมิสซาที่ตาซิโตลูเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันได้รับการประกาศให้เป็นเขตอนุรักษ์และ "อุทยานสันติภาพ" ตั้งอยู่บนที่สูง สามารถมองเห็นทัศนียภาพของผืนน้ำทางชายฝั่งตอนเหนือของเกาะ

พิธีมิสซาของโป๊ปจอห์น ปอลที่ 2 ซึ่งจัดขึ้นในช่วงที่ประเทศยังถูกยึดครอง จบลงด้วยเหตุชุลมุนเล็กน้อย เมื่อผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจปะทะกันด้วยการขว้างปาเก้าอี้ใส่กัน อย่างไรก็ตาม สมเด็จพระสันตะปาปาผู้ล่วงลับไม่ทรงได้รับอันตรายแต่อย่างใด

การเสด็จเยือนของโป๊ปฟรานซิส ซึ่งจัดขึ้นในวาระครบรอบ 25 ปีของการลงประชามติเพื่อเอกราช บางช่วงดูคล้ายกับเป็นงานรื่นเริงขนาดใหญ่เสียมากกว่า

ตลอดวันอังคาร ผู้คนแห่แหนกันมาตามท้องถนนรอบกรุงดิลีเป็นระยะทางหลายกิโลเมตร เพื่อร่วมในพระราชกรณียกิจต่าง ๆ ของสมเด็จพระสันตะปาปา ซึ่งรวมถึงการเสด็จไปทรงประชุมกับบรรดาบาทหลวงคาทอลิกที่มหาวิหาร และการเสด็จเยี่ยมเด็กพิการที่โรงเรียนคาทอลิกท้องถิ่นแห่งหนึ่ง

โป๊ปวัย 87 ปี ต้องประทับบนรถเข็นเนื่องจากมีอาการปวดหัวเข่าและหลัง ผู้ติดตามมักจะเข็นท่านเข้าใกล้แนวกั้นด้านนอกบริเวณงาน

ประชาชนแห่แหนกันมาล้อมรอบพระองค์ บ้างก็สัมผัสพระหัตถ์ บ้างก็จุมพิตแหวนสมณศักดิ์สีเงิน หรือถวายผ้า "ทาอีส" (tais) ผ้าพันคอทอมือแบบดั้งเดิมให้ทรงสวม นอกจากนี้ยังมีการแสดงระบำพื้นเมืองโดยนักเต้นรำสวมเครื่องประดับศีรษะขนนก พร้อมตีกลองใบเล็กประกอบจังหวะอีกด้วย

พิธีมิสซาครั้งนี้นับเป็นงานพระสันตะปาปาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การเสด็จเยือนโปรตุเกสของโป๊ปฟรานซิสเมื่อปีที่แล้วเพื่อร่วมงานชุมนุมเยาวชนโลกของพระศาสนจักรคาทอลิก โดยในพิธีมีการอ่านบทสวดเป็นภาษาโปรตุเกส ภาษาเตตุน และภาษาท้องถิ่นอีก 5 ภาษา

โป๊ปฟรานซิสจะประทับอยู่ ณ ติมอร์ตะวันออกจนถึงวันพุธ (11 ก.ย.) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเสด็จเยือนที่รวมถึงอินโดนีเซียและปาปัวนิวกินี จากนั้นพระองค์จะเสด็จไปยังสิงคโปร์ ก่อนที่จะเสด็จกลับกรุงโรมในวันที่ 13 ก.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ