พายุเฮอร์ริเคนมิลตัน (Milton) ซึ่งทวีกำลังแรงขึ้นจนกลายเป็นพายุระดับ 5 กำลังเคลื่อนตัวมุ่งหน้าเข้าสู่ชายฝั่งอ่าวเม็กซิโกของรัฐฟลอริดาในวันอังคาร (8 ต.ค.) ส่งผลให้เกิดการจราจรติดขัดครั้งใหญ่และการขาดแคลนเชื้อเพลิง หลังเจ้าหน้าที่สั่งอพยพประชาชนกว่า 1 ล้านคนก่อนที่พายุจะพัดถล่มพื้นที่อ่าวแทมปา
เฮอร์ริเคนมิลตันซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อวันจันทร์ (7 ต.ค.) จนกลายเป็นหนึ่งในพายุเฮอร์ริเคนที่รุนแรงที่สุดในมหาสมุทรแอตแลนติก คาดว่าจะพัดขึ้นฝั่งในช่วงดึกของวันพุธ (9 ต.ค.) หรือเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดี (10 ต.ค.) โดยจะพัดถล่มพื้นที่ชายฝั่งตะวันตกของรัฐฟลอริดาที่มีประชากรหนาแน่น ซึ่งยังคงได้รับผลกระทบอย่างหนักจากพายุเฮลีนที่พัดถล่มไปเมื่อไม่ถึง 2 สัปดาห์ก่อน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า หากเฮอริเคนมิลตันพัดถล่มอ่าวแทมปาโดยตรง ก็จะนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2464 ซึ่งในขณะนั้น พื้นที่แทมปา-เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก-เคลียร์วอเทอร์ ซึ่งปัจจุบันขยายตัวอย่างมาก ยังเป็นเพียงพื้นที่ที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาเมื่อเทียบกับที่อื่น ๆ ในปัจจุบัน โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่อยู่อาศัยของผู้คนกว่า 3 ล้านคน
เจน คาสเตอร์ นายกเทศมนตรีเมืองแทมปาเตือนประชาชนอย่าขับขี่ยานยนต์ท่ามกลางพายุ โดยชี้ว่า เฮอร์ริเคนเฮลีนนั้นเป็นเพียงแค่สัญญาณเตือนเท่านั้น "หากคุณเลือกที่จะยังอยู่ในพื้นที่ที่ต้องอพยพ คุณก็จะตาย"
ศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติสหรัฐฯ (NHC) ระบุว่า เฮอร์ริเคนมิลตันมีความเร็วลมสูงสุดที่ 270 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งนับว่ามีกำลังแรงที่สุดตามมาตรวัดแซฟเฟียร์-ซิมป์สัน (Saffir-Simpson) ซึ่งมี 5 ระดับ
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งเลื่อนแผนการเดินทางเยือนต่างประเทศเพื่อดูแลการเตรียมพร้อมรับมือเฮอร์ริเคนมิลตัน ได้เรียกร้องให้ผู้ที่ได้รับคำสั่งให้อพยพ ออกจากพื้นที่ทันที โดยย้ำว่าเป็นเรื่องของความเป็นและความตาย