ราคาหุ้นแมคโดนัลด์ (McDonald) ร่วงลงราว 9% ในการซื้อขายหลังปิดตลาดนิวยอร์กในวันอังคาร (22 ต.ค.) หลังจากที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐรายงานว่า พบการระบาดของเชื้อแบคทีเรียอีโคไล (E. coli) ที่เชื่อมโยงกับเบอร์เกอร์ควอเตอร์ พาวน์เดอร์ (Quarter Pounder) ของแมคโดนัลด์ ทำให้มีผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล 10 คน และมีผู้เสียชีวิต 1 คน
สำนักข่าวซีเอ็นบีซี (CNBC) รายงานการเปิดเผยของ CDC ว่า มีรายงานผู้ป่วย 49 รายแล้วใน 10 รัฐนับตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย.-11 ต.ค. โดยส่วนใหญ่พบผู้ป่วยในรัฐโคโลราโดและเนบราสกา โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่รายงานว่ารับประทานควอเตอร์ พาวน์เดอร์ของแมคโดนัลด์
หนึ่งในผู้ป่วยเกิดอาการฮีโมไลติกยูรีมิก (hemolytic uremic syndrome) ซึ่งเป็นภาวะร้ายแรงที่อาจทำให้ไตวายได้ โดยมีผู้สูงอายุรายหนึ่งในรัฐโคโลราโดเสียชีวิต
CDC เปิดเผยว่า จำนวนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดครั้งนี้ "น่าจะสูงกว่าที่รายงานในขณะนี้มาก" เนื่องจากหลายคนหายจากการติดเชื้ออีโคไลโดยไม่ได้เข้ารับการตรวจหรือการรักษาทางการแพทย์
CDC เปิดเผยด้วยว่า เจ้าหน้าที่สอบสวนกำลังตรวจสอบว่าส่วนผสมใดอาจปนเปื้อนเชื้ออีโคไล และแมคโดนัลด์ได้ยกเลิกส่วนผสมที่ใช้ในการทำเบอร์เกอร์แล้ว โดยเบอร์เกอร์ควอเตอร์ พาวน์เดอร์จะไม่สามารถหาซื้อได้ชั่วคราวในบางรัฐ แต่ CDC ไม่ได้ระบุว่า มีรัฐใดบ้างที่ได้รับผลกระทบ
ทั้งนี้ เชื้ออีโคไลหมายถึงกลุ่มของแบคทีเรียที่พบในลำไส้ของคนและสัตว์แทบทุกคน แต่บางสายพันธุ์ของแบคทีเรียนี้อาจทำให้เกิดอาการป่วยตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงรุนแรง หากคนรับประทานอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ
CDC ระบุว่า อาการหลังติดเชื้อนั้นรวมถึงการปวดท้อง ท้องเสีย และอาเจียน โดยมักเริ่มปรากฏขึ้นภายใน 3-4 วันหลังจากได้รับเชื้อแบคทีเรียดังกล่าว และคนส่วนใหญ่จะสามารถฟื้นตัวได้เองโดยไม่ต้องรักษาหลังจาก 5-7 วัน