เหตุน้ำท่วมครั้งใหญ่ในสเปนคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 95 ราย หลังจากฝนตกหนักในแคว้นบาเลนเซียทางตะวันออกของประเทศ จนน้ำพัดพาสะพานและอาคารหลายแห่งพังเสียหาย นับเป็นอุทกภัยที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของสเปน ตามรายงานจากทางการท้องถิ่นเมื่อวันพุธ (30 ต.ค.)
นักอุตุนิยมวิทยารายงานว่า เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา บางพื้นที่ในบาเลนเซียมีฝนตกหนัก 8 ชั่วโมง แต่มีปริมาณน้ำฝนมากเท่ากับที่ตกตลอดทั้งปี ส่งผลให้รถยนต์กองซ้อนทับกันอยู่บนทางหลวง และน้ำท่วมพื้นที่เกษตรกรรมในแคว้นซึ่งเป็นแหล่งปลูกส้มที่สำคัญ โดยบาเลนเซียผลิตส้มได้ถึง 2 ใน 3 ของทั้งประเทศ และทำให้สเปนเป็นผู้ส่งออกส้มรายใหญ่ของโลก
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ชาวบ้านในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดเล่าถึงภาพที่พวกเขาเห็น ผู้คนต้องปีนขึ้นไปหลบน้ำท่วมบนหลังคารถ ขณะที่กระแสน้ำสีน้ำตาลไหลเชี่ยวกรากพัดถาโถมเข้ามาตามท้องถนน ทั้งถอนรากต้นไม้และกัดเซาะชิ้นส่วนอาคารหลุดร่วงไปกับสายน้ำ
มาร์การิตา โรเบลส์ รัฐมนตรีกลาโหม ให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุ Cadena Ser ว่า หน่วยทหารพิเศษด้านการกู้ภัยจะเริ่มปฏิบัติการค้นหาในวันพฤหัสบดี โดยจะใช้สุนัขดมกลิ่นช่วยค้นหาผู้สูญหายตามซากปรักหักพังและโคลนในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายหนักที่สุด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจำนวนผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ รัฐมนตรีกลาโหมตอบว่า "น่าเสียดายที่เราไม่สามารถมองในแง่ดีได้" พร้อมเผยว่าทีมกู้ภัยได้นำรถเก็บศพมาถึง 50 คันเพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์
นายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซ แห่งสเปน ให้คำมั่นว่าจะฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายทั้งหมด พร้อมกล่าวผ่านรายการโทรทัศน์ว่า "สำหรับพี่น้องประชาชนที่ยังคงตามหาคนที่คุณรักอยู่ในขณะนี้ ชาวสเปนทั้งประเทศขอร่ำไห้ไปกับคุณ"
เจ้าหน้าที่รายงานว่า การเดินรถไฟไปยังเมืองมาดริดและบาร์เซโลนาต้องหยุดให้บริการเนื่องจากน้ำท่วม ทั้งโรงเรียนและบริการจำเป็นพื้นฐานอื่น ๆ ในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายหนักที่สุดก็ต้องปิดทำการชั่วคราว
ด้านบริษัทไฟฟ้า i-DE ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Iberdrola บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ที่สุดในยุโรป รายงานว่า ประชาชนในบาเลนเซียกว่า 150,000 รายไม่มีไฟฟ้าใช้
หน่วยงานฉุกเฉินในพื้นที่ขอความร่วมมือประชาชนงดเดินทางบนท้องถนนทุกสาย และให้ติดตามคำแนะนำจากทางการอย่างใกล้ชิด
บางพื้นที่ในแคว้นบาเลนเซีย โดยเฉพาะในเมืองตูริส ชิวา หรือบูนอล วัดปริมาณน้ำฝนได้สูงถึง 400 มิลลิเมตร ทำให้กรมอุตุนิยมวิทยาสเปน (AEMET) ต้องประกาศเตือนภัยระดับสูงสุดเมื่อวันอังคาร อย่างไรก็ตาม เมื่อฝนเริ่มซาลงในวันพุธ จึงได้ลดระดับการเตือนภัยลงเหลือระดับปานกลาง
นอกจากบาเลนเซียแล้ว ยังเกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะที่แคว้นอันดาลูซิอาทางตอนใต้ และนักพยากรณ์อากาศยังเตือนว่าสถานการณ์อาจแย่ลงอีก เนื่องจากพายุกำลังเคลื่อนตัวไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ
อุทกภัยครั้งนี้ถือเป็นครั้งร้ายแรงที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่ปี 2564 ที่มีคนเสียชีวิตในเยอรมนีถึง 185 คน และอาจเป็นเหตุน้ำท่วมที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของสเปนด้วย เพราะมีผู้เสียชีวิตมากกว่าเหตุน้ำท่วมเมื่อปี 2539 ที่คร่าชีวิตผู้คน 87 คนในเมืองบีเอสกัสซึ่งอยู่แถบเทือกเขาพิเรนีส
เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ได้โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์) แสดงความพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือสเปน พร้อมระบุว่า "สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสเปนสร้างความเสียหายอย่างรุนแรง"
อนึ่ง นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้เกิดเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วบ่อยครั้งขึ้น โดยนักอุตุนิยมวิทยามองว่า เมื่อทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมีอุณหภูมิสูงขึ้น ทำให้น้ำระเหยมากขึ้น ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักรุนแรงกว่าที่เคย
"เมื่อก่อน เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นครั้งหนึ่งในรอบหลายทศวรรษ แต่ปัจจุบันกลับเกิดถี่ขึ้นและสร้างความเสียหายรุนแรงกว่าเดิม" เอร์เนสโต โรดริเกซ คามิโน นักอุตุนิยมวิทยาอาวุโสประจำรัฐและสมาชิกสมาคมอุตุนิยมวิทยาสเปน กล่าว