สื่อรัฐบาลเผย เรือรัสเซียอับปางนอกชายฝั่งสเปน "ถูกวางระเบิด" ชี้เป็นการก่อการร้าย

ข่าวต่างประเทศ Thursday December 26, 2024 08:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เรือสินค้าสัญชาติรัสเซียที่ประสบเหตุกลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเมื่อวันจันทร์ (23 ธ.ค.) และจมลงในเวลาต่อมา ถูกโจมตีด้วยระเบิดถึง 3 ครั้งในลักษณะ "การก่อการร้าย" ตามที่สำนักข่าว RIA ของรัสเซียรายงานโดยอ้างคำกล่าวของเจ้าของเรือเมื่อวันพุธ (25 ธ.ค.)

กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียแถลงเมื่อวันอังคาร (24 ธ.ค.) ว่า เรือ "เออร์ซา เมเจอร์" (Ursa Major) ซึ่งต่อขึ้นเมื่อปี 2552 จมลงหลังเกิดเหตุระเบิดในห้องเครื่องยนต์ ลูกเรือ 2 คนจากทั้งหมด 16 คนยังคงสูญหาย

RIA รายงานโดยอ้างคำพูดของโอโบรอนโลจิสติกา (Oboronlogistika) บริษัทเจ้าของเรือในสังกัดฝ่ายก่อสร้างทางทหารของกระทรวงกลาโหมรัสเซียว่า เรือลำดังกล่าวตกเป็นเป้าของ "การก่อการร้าย"

ตามรายงานของ RIA ลูกเรือ 14 คนที่รอดชีวิตเล่าว่า เกิดเสียงระเบิด 3 ครั้งติดต่อกันที่กราบขวาท้ายเรือ เวลา 13.50 น. ตามเวลามอสโก วันที่ 23 ธ.ค. หลังจากนั้น เรือเริ่มเอียงกระดกรุนแรงเพราะน้ำทะเลทะลักเข้ามา ทั้งนี้ โอโบรอนโลจิสติกายืนยันว่า เรือไม่ได้บรรทุกน้ำหนักเกินพิกัด

RIA รายงานว่า เรือลำนี้บรรทุกเครนหน้าท่าขนาดยักษ์สองตัวพร้อมถังตักของเครน ฝาระวางขนาดใหญ่สองชิ้นสำหรับเรือตัดน้ำแข็ง ตู้คอนเทนเนอร์เปล่า 129 ตู้ และตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 20 ฟุตบรรจุอุปกรณ์มุงหลังคา กำลังมุ่งหน้าสู่ท่าเรือวลาดิวอสต๊อกในแถบตะวันออกไกลของรัสเซีย

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ทั้งโอโบรอนโลจิสติกาและ SK-Yug บริษัทในเครือที่เป็นผู้ดำเนินงานเรือโดยตรง ไม่แสดงความเห็นต่อเหตุเรือจมครั้งนี้ โดยทั้งสององค์กรรวมถึงเรือเออร์ซา เมเจอร์ ถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตรเมื่อปี 2565 เนื่องจากความเชื่อมโยงกับกองทัพรัสเซีย

หน่วยกู้ภัยทางทะเลสเปนแจ้งว่าได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือจากเออร์ซา เมเจอร์ เมื่อวันจันทร์ ขณะแล่นอยู่ห่างจากชายฝั่งอัลเมริอาราว 57 ไมล์ เรือกู้ภัยสองลำและเฮลิคอปเตอร์ถูกส่งไปช่วยเหลือ นำลูกเรือ 14 คนส่งท่าเรือการ์ตาเฆนาอย่างปลอดภัย

ข้อมูลติดตามเรือของ LSEG บ่งชี้ว่า เรือออกจากท่าเรือเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กของรัสเซียวันที่ 11 ธ.ค. และส่งสัญญาณครั้งสุดท้ายเมื่อเวลา 22.04 น. ตามเวลา GMT ของคืนวันจันทร์ ในจุดระหว่างแอลจีเรียกับสเปนก่อนจมลง โดยเรือได้แจ้งจุดหมายปลายทางคือท่าเรือวลาดิวอสต๊อก ไม่ใช่ท่าตาร์ตุสของซีเรียที่เคยแวะจอดมาก่อน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ