สายการบินแอล อัล (El Al) ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติของอิสราเอล ประกาศระงับเที่ยวบิน "เทลอาวีฟ-มอสโก" หลังมีกระแสข่าวว่า รัสเซียอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับสาเหตุการตกของเครื่องบินสายการบินอาเซอร์ไบจาน แอร์ไลน์ส เมื่อวานนี้ (25 ธ.ค.)
สายการบินแอล อัลจะทำการประเมินสถานการณ์อีกครั้งในสัปดาห์หน้า โดยจะมีการพิจารณาว่าทางสายการบินจะกลับมาใช้เส้นทางบินดังกล่าวอีกหรือไม่
นายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวปฏิเสธกระแสข่าวที่ว่า รัสเซียมีส่วนพัวพันต่อการตกของเครื่องบินสายการบินอาเซอร์ไบจาน แอร์ไลน์ส
"ขณะนี้การสอบสวนหาสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินตกยังคงดำเนินไป และเราไม่ควรคาดเดาก่อนที่จะได้ข้อสรุป" นายเพสคอฟกล่าว
ทั้งนี้ มีการเผยแพร่ข่าวลือในสื่อรัสเซียว่า เครื่องบินลำดังกล่าวอาจถูกระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียยิงตก เนื่องจากเข้าใจผิดว่าเป็นโดรนของยูเครนที่จะมาโจมตีรัสเซีย
ด้านนายอังเดรย์ โควาเลนโก ประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติของยูเครน ระบุใน X ว่า "เครื่องบิน Embraer 190 ของสายการบินอาเซอร์ไบจาน แอร์ไลน์ส ซึ่งบินจากกรุงบากูของอาเซอร์ไบจาน มุ่งหน้าสู่เมืองกรอซนีในเขตเชชเนียของรัสเซีย ได้ถูกระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียยิงตก"
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่สหรัฐรายหนึ่งกล่าวต่อสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า มีสิ่งบ่งชี้ว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียอาจยิงจรวดโดนเครื่องบินลำดังกล่าว ขณะที่แหล่งข่าว 4 รายจากอาเซอร์ไบจานก็มีความเห็นสอดคล้องกับเจ้าหน้าที่สหรัฐ
ทั้งนี้ เครื่องบินของสายการบินอาเซอร์ไบจาน แอร์ไลน์ส เที่ยวบิน J2-8243 พร้อมด้วยลูกเรือและผู้โดยสารรวม 67 คน ได้ตกลงใกล้กับสนามบินอัคเตาในคาซัคสถาน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 38 คน และรอดชีวิต 29 คน