เจ้าหน้าที่ตำรวจเกาหลีใต้รุดเข้าตรวจสอบสนามบินนานาชาติมูอันเป็นวันที่สองในวันนี้ (3 ม.ค.) โดยยังคงเดินหน้าค้นหาและยึดสิ่งของที่คาดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการหาเบาะแสของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเที่ยวบินของสายการบินเจจู แอร์ (Jeju Air) นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังพุ่งเป้าที่จะรักษาเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุดังกล่าวซึ่งทำมีผู้เสียชีวิต 179 ราย
การดำเนินการในวันนี้เป็นปฏิบัติการที่ต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปตรวจค้นที่สนามบินมูอัน และสำนักงานในกรุงโซลของสายการบินเจจูแอร์
สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของสำนักข่าวยอนฮับว่า ตำรวจยังคงพยายามรวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้องอุปกรณ์ระบุตำแหน่งของสนามบิน, กำแพงคอนกรีตที่อยู่ใกล้รันเวย์ และบันทึกการสื่อสารระหว่างหอควบคุมการบินและนักบิน นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังต้องการกล้องวงจรปิดบริเวณรันเวย์ รวมทั้งบันทึกการปฏิบัติการและการบำรุงรักษาเครื่องบินที่ประสบเหตุ
ทั้งนี้ ในช่วงเช้าของวันอาทิตย์ที่ 29 ธ.ค. 2567 เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ของสายการบินเจจูแอร์ เที่ยวบิน 7C2216 พร้อมผู้โดยสารและลูกเรือรวม 181 ราย เดินทางออกจากกรุงเทพฯ ในเวลา 01.30 น. และมีกำหนดลงจอดในเวลา 08.30 น. ที่สนามบินนานาชาติมูอันของเกาหลีใต้ แต่เครื่องบินประสบอุบัติเหตุไถลออกนอกรันเวย์ขณะลงจอด ก่อนที่เครื่องจะพุ่งชนแท่งคอนกรีตซึ่งเป็นแนวกั้นของสนามบินและเกิดไฟลุกท่วม ส่งผลให้มีผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิตรวม 179 ราย รอดชีวิตเพียง 2 ราย
สำนักงานตำรวจประจำจังหวัดช็อนนามของเกาหลีใต้ ประกาศห้าม คิม อี-แบ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสายการบินเจจูแอร์ และเจ้าหน้าที่อีกรายหนึ่งของสายการบิน ถูกสั่งห้ามเดินทางออกนอกเกาหลีใต้ตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค. 2567 หลังเครื่องบินประสบอุบัติเหตุและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
เจ้าหน้าที่ตำรวจเกาหลีใต้ระบุว่า คิมและเจ้าหน้าที่อีกรายของเจจูแอร์ถือเป็นบุคคลสำคัญที่จะให้ปากคำเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว ขณะที่ตำรวจกำลังสอบสวนหาสาเหตุของโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น